ทุกๆวันนี้ ตั้งแต่พ่อแม่เราสอนว่าทำอะไรอย่าเสี่ยง ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ตอนเราไปเรียนการศึกษาก็สอนให้เราทำอะไรก็อย่าเสี่ยง เพราะถ้าเสี่ยงแล้วพลาดขึ้นมาความฉิบหายจักบังเกิด
แต่ดูประวัติของแต่ละคนที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา ก็เสี่ยงมาทั้งนั้น ทั้งในเรื่องการเมืองการทหาร และธุรกิจ พวกเขาเติบโตได้ด้วยการเสี่ยง การทำอะไรเกินตัวอยู่ตลอดเวลา ถ้าไปถามพวกเขา เขาไม่รู้ว่ามันเสี่ยงหรอก เขาแค่เดินตามความฝันอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาคิดว่าเขาทำได้
การไม่เสี่ยงมันก็คือการทำอะไรอยู่ในกรอบแบบแผนดูไม่อันตราย แต่มันอันตรายอย่างยิ่ง เพราะมันสร้างความเคยชิน ความเคยชินจะทำให้เราไม่ปรับตัว ไม่เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ และยอมรับกับความถดถอยเพราะเราไม่อยากเปลี่ยนแปลง
ยกตัวอย่าง สมัยก่อนถ้าเรามีเงินฝาก เราก็รวยแล้วเพราะแต่ก่อนดอกเบี้ยดีมากๆ ราวๆ 10-15% แค่ฝากไม่กี่ปี ก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างงดงาม โดยไม่มีความเสี่ยงเลยแถมรัฐบาลยังเป็นประกัน แต่มาเทียบกับปัจุบันที่ดอกเบี้ยเหลือไม่ถึง 1% ฝากกันเป็นสิบปีเลยถ้าเทียบกับสมัยก่อนฝากแค่ปีเดียว แล้วจะคิดว่าเราได้เหมือนรุ่นคนเก่าแก่คงได้แก่ตายก่อน
เสี่ยงยังไงให้รอด
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจความเสี่ยงในมุมมองก่อน มันคือการทำอะไรเกินตัว หรือทำอะไรที่ยังไม่มีใครทำมาก่อน หรือไม่มีใครทำได้มาก่อน สำหรับทัศนคติของคนทั่วไปคือ ทำไปก็ตาย ทำไปก็เจ๊ง ไม่มีใครเค้าทำกัน ไม่มีใครทำมาก่อนก็ไม่น่าจะรอด
แต่เพราะไอเดียหรือสิ่งที่ทำเหล่านี้นั้น มันพาความอยู่รอดให้บังเกิดแด่มวลมนุษยชาติ มันเกิดการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น ง่ายขึ้นสดวกสบายมากขึ้น ส่วนผลลัพธ์นั้น มันก็ตอบแทนความคุ้มค่ากันอย่างจุใจทีเดียว
ถ้าจะเสี่ยง
1คำนวนความเสี่ยงว่า วางแผนถึงวิธีการครองโลกให้ละเอียด มีทางหนีทีไล่ แต่ไม่ใช่จะหนีมันอย่างเดียว ถ้าพลาดเราจะเสียอะไรบ้างแค่ไหน เงิน เวลา โอกาส ถ้ารับได้ เสี่ยงเลย
2 อย่าไปฟังใครเค้าว่า เพราะมันไม่มีมาก่อน เรายังไม่สำเร็จ คนก็สนุกปากไป ถ้าทำได้เดี๋ยวพวกนี้กลับมาชื่นชมอวยเราเอง
3 มันมีพลาดกันได้แต่ไม่ได้พังทั้งหมด เมื่อเราทำ ก็ย่อมมีสิ่งไม่คิดไม่ฝัน เจอปัญหาก็แก้กันไป แก้ได้ก็ชนะไปอีกเรื่อง ชนะครบทุกเรื่อง สิ่งที่ทำก้สำเร็จ
4 อดทนและมีทัศนคติในแง่บวก สะกดจิตตัวเองไว้ เราทำได้ เราทำได้ เราทำได้
RIZเสี่ยงๆ