สนามหญ้าบ้านอื่นเขียวกว่าบ้านเรา

the grass is always greener on the other side of the frence. มันเป็นอะไรที่ classic มาก ที่บอกว่า สนามหญ้าบ้านอื่นมักเขียวกว่าบ้านเรา แต่ความหมายของมันคือ เรามักไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี และเราเห็นของคนอื่นดีกว่าเราเสมอ มันเป็นจุดอ่อน ที่นักการตลาด หรือนักโฆษณาชวนเชื่อชอบใช้จุดนี้มาเล่น มันเป็นคำพูด captionง่ายๆว่า...

งานที่ดี เราต้องทำได้

ทุกๆวันที่เราเปิดรับโอกาสเข้ามา เราเชื่อว่ามันดีไปหมดแหละ แต่มันมีดีแบบฟังดูดี แต่เราไม่รู้จริง ทำไม่ได้ และดีแบบเรารู้จริง และทำได้ ถ้าดีแบบเราไม่รู้จริง ฟังแล้วรู้สึกเคลิ้มไป ต้องระวังใจเตลิดของความโลภที่จะมาเข้าสิงร่าง ที่จะทำให้เราตัดสินใจอะไรจากความรู้สึก แต่ถ้าดีแบบเรารู้จริง เราหลับตาแล้วก็คิดออก มองรู้แจ้งแทงตลอดจนจบได้ เราควบคุมมันได้ นั่นสิ ถึงเป็นสิ่งที่น่าทำ เพราะเราทำได้ อย่าสับสนระหว่าง อยากรู้อยากลอง กับทำได้จริงๆ ความสำเร็จมันหอมหวาน แต่ถ้าไม่ได้ถ้าไม่ตายก็สาหัส RIZbereal

คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด แต่คนโง่และคนฉลาดก็เป็นเหยื่อของความโลภ

จริงๆ มันก็เหมือนกับเป็นวัฎจักรของสัตว์เล็กโดนสัตว์ใหญ่กินไปเรื่อยๆ ทุกคนย่อมมีจุดอ่อนของตัวเอง คนโง่ ย่อมโดนคนฉลาดเอาเปรียบเป็นนิจ ซึ่งคนโง่ทั้งหลาย ก็ตามไม่ทันคนที่ฉลาดคิดไวกว่า แต่ถ้าคนโง่ได้พัฒนาเป็นคนฉลาดแล้วก็ย่อมไม่เป็นเหยื่อ แต่ถึงอย่างไร กับดักที่อันตรายที่สุด ที่ทำให้คนเขวได้คือความโลภ มันเป็นเรื่องของคนที่คิดว่าเอาได้ ก็อยากได้มากขึ้นไปอีก ย่อมเป็นเหยื่อของผู้ที่เห็นจุดอ่อน เราเห็นเป็นเรื่องปกติจนชิน เช่น มีคนเก็บเงินได้ แล้วบอกว่ามาแบ่งเงินกัน กันคนละครื่ง ความโลภ ความรู้สึกได้เปรียบนั้น มันรู้สึกดี และชนะ แต่หากการชนะนั้นไม่จริง เป็นเรื่องปรุงแต่งแค่ชั่วคราว...

เลิกเถอะครับ ทัศนคติดูถูกคน ถ้าไม่รู้จริง

เห็นแต่คนข่มคน ดูถุกคนเต็มไปหมด เหมือนเคยมีใครทำร้ายมาก่อน แล้วความรู้สึกข้าขอล้างแค้น พวกนี้แบบหนึ่ง อีกพวกนึง คือพวกไม่รู้จริง ว่าคนอื่นเขาว่าด้อยพัฒนา เอาความคิดเดิมๆของเรา ที่เคยรู้กันมาตัดสินคน เช่น เรามองว่าเมืองจีนเป็นเมืองด้อยพัฒนา เป็นเมืองคอมมิวนิส แต่ถามว่าเคยไปไม๊ ก็ไม่เคย หรือถ้าเคยก็ห้าปีสิบปีที่แล้ว มองพวกเขาแบบนี้ ดูเหมือนใจคอเราไม่กว้างพอที่จะให้โอกาสเค้าพัฒนาและเจริญ ยิ่งเรา รู้สึกความเป็นชาตินิยมมากขึ้นเท่าไร ยิ่งทำให้ตัวเราเหยียดและดูถูกคนอื่นมากขึ้นเท่านั้น เราไม่เคยเดินออกไปอยู่นอกบ้านเลย ว่าตัวเองนั้นมันด้อยและพัฒนาช้ากว่าคนอื่นเท่าไร ที่เคยว่า จีน...

สกิลขั้นเทพ คือผลจากการฝึกอย่างหนัก

บางทีเราเห็นคนที่หั่นผักหั่นปลา หั่นเร็วจนน่าตกใจ และขนาดก็เท่าๆกันด้วย พวกเขาก็มีที่มาจากการทำไม่เป็น ค่อยๆฝึกฝนไปเรื่อยๆจนชำนาญ และเชี่ยวชาญตามลำดับ จริงๆอยู่ มันเป็นสิ่งที่ใครๆก็ทำได้ ถ้าพยายามมากพอ แต่มันจะมีกี่คนที่พยายามมากพอจนทำได้สำเร็จ พอสำเร็จก็มีคนมาชื่นชม ทั้งๆที่มันก็เรื่องธรรมดา แล้วพัฒนาไปเรื่อยๆ ในใจพวกเขา ที่ฝนฝน ไม่ใช่ อยากเก่งแค่ไหน แต่อยากจะพัฒนาไปเรื่อยๆ ทำดีขึ้นทุกๆวัน จนวันนึงมันเลยระดับคนธรรมดา จนวันต่อมาเลยระดับสูง และจะทำลายระดับนั้นเรื่อยๆ ทำเรื่อยๆ โดยไม่คิดว่าจะหยุดเมื่อไร ลองผิดลองถูกทุกวัน...

ทำในสิ่งภูมิใจ สิ่งใดไม่ภูมิใจอย่าเสียเวลาทำ

หลายสิ่งอาจจะหาได้เรื่อยๆ แต่เวลาเป็นสิ่งที่ผ่านแล้วและมันผ่านไปเลย ถ้ามองในมุมนึง พอเราเกิดมาในโลกนี้ มันก็เหมือนเป็นเวลาเริ่ม และนับถอยหลังเรื่อยๆ แม้ว่าในช่วงแรกของชีวิต เราต้องเริ่มเรียนรู้ เรียนรู้มันทุกอย่าง ทั้งที่ถูกและผิด มันก็มีถูกและใช่ ผิดแล้วใช่ ถูกแล้วไม่ใช่ ผิดแล้วไม่ใช่ เราย่อมยังไม่รู้ตัวเอง จนกว่าจะได้ทำ ถ้าไม่รู้มันก็ต้องลอง แต่ลองแล้วผิดบ่อยเรา เราจะเริ่มรู้สิ่งที่ไม่ใช่เอง การใช่บางครั้งเพราะคนอื่นสอนบอก แต่มันใช่สำหรับเขา สำหรับเราต้องดูคิดทำลองเอง ถ้าเวลามีจำกัด เมื่อเรียนรู้ได้ระดับนึงแล้ว ต้องหาทำในสิ่งที่ภูมิใจ...

ถ้าจะทำ ต้องทำให้ดี

เราต้องมีความเชื่อ ว่าโลกนี้มีความจริง ไม่ใช่ทุกอย่างเป็นเรื่องสมมุติโลเล ไม่ได้มีอะไรได้มาโดยไม่มีเหตุและปัจจัย ทำอะไรเล่นๆแล้วฟลุ๊ก มันเอาไว้ให้คนฝันกลางวันเพ้อเจ้อไว้คาดหวังกัน ว่าจะถูกหวย จะรวยเป็นล้าน จะเป็นเศรษฐีโดยง่าย มันก็คงเป็นไปได้ แต่โอกาสมันน้อยเหลือเกิน เหลือแค่ความน่าจะเป็นจริงเพียงเศษเสี้ยวส่วนหนึ่ง ถ้าเราเชื่อในความจริง นับถือความจริง อย่าทำอะไรเป็นเล่น ต้องจริงจัง ต้องทุ่มเท ต้องให้เกียรติสิ่งที่เราทำ เชิดชู บูชามัน ต้องทำให้มันสมศักดิ์ศรี อย่างตั้งใจ น้ำเหงื่อ คือ น้ำมนต์...

จะออกจากบ้าน ให้พกสติมาด้วย

เห็นมีแค่คนมีปัญญา แต่ไม่เห็นคนพกสติมาด้วยเท่าไร ยิ่งโลกหมุนเร็ว คนก็วิ่งตาม ตามไม่ทัน ก็พยายาม ยิ่งทนงตัวว่าเก่ง ฉลาด แย่งกันโชว์ฉลาด แต่ที่เห็นๆ ส่วนใหญ่โง่ทั้งนั้น ไม่ใช่ทำไม่ได้ ไม่ใช่ทำไม่เป็น แต่มันแค่ไม่รู้เวลากาล ว่าจะต้องทำตอนไหน เมื่อไหน คุณค่ามันไม่ใช่แค่ทำได้ มันต้องทำให้ถูกจังหวะเวลา มันงั้นมันก็กลายเป็นสิ่งไม่มีค่าอะไร คนที่อยู่รอด ไม่จำเป็นต้องฉลาด แค่รู้ว่าต้องรู้ตรงไหนก็พอแล้ว ไม่งั้นรู้มากเอาตัวไม่รอด แต่เก่ง RIZslow

จะเริ่มทำอะไรสักอย่าง ต้องเริ่มต้นด้วย…อย่าหลอกตัวเอง

คนเรานะ อยากมีอยากได้อยากได้ไม่น้อยกว่า ชาวบ้านหรือคนที่เราเห็นกันทุกคนแหละ แต่มันไม่ง่ายนะ ที่จะมีเหมือน หรือไม่น้อยไปกว่าที่เราเห็น การที่เลียนแบบการมีแบบไม่ได้ยั่งยืน หรือเรียกว่าซื้อความสุขชั่วคราวนั้น อาจทำให้เราเป็นทุกข์ หรือพาลให้เราเป็นหนี้ เห็นคนรวย แล้ว กินช๊อปเที่ยวแพงๆ เพราะเค้าทำได้ เพราะเค้าเหลือมาทำ แต่มันทำให้คนส่วนใหญ่ อิจฉา และอยากทำบ้าง ถ้ามี ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าไม่มีแล้วทำ ชัดเลยว่าเกินตัว เป็นหนี้ หาเรื่องลำบาก จงยอมรับความจริงของตัวเอง...

เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง

ยอมรับเถอะครับ ถึงคนเก่งแค่ไหน ก็ทำอะไรคนเดียวไม่ได้ ต่อให้เราเชี่ยวชาญ เราก็เชี่ยวชาญเป็นอย่างๆ ยังมีอีกหลายอย่างที่เราไม่รู้จริง และเราต้องการความเชี่ยวชาญนั้น ครั้นจะให้เราฝึกฝนก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกเท่าไร การหาเพื่อนการหาพันธมิตรย่อมเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงจุดประสงค์ของเราไปสู่ความสำเร็จได้ และในบางครั้งการลองอะไรแปลกๆในสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นไปได้ มันอาจจะเป็นไปได้ก็ได้ เพราะการรวมกันมากกว่าหนึ่ง อาจจะได้อะไรอีกหลายๆอย่าง ทั้งเป็นอย่างที่เราต้องการ หรือแบบที่เราไม่ได้ต้อง และโดยมากมักเป็นสิ่งที่เราไม่รู้และคาดไม่ถึง การคั้นสิ่งที่เรารู้นะพอทำได้ แต่การคั้นสิ่งที่เราไม่รู้ออกมานั้น มันยังไม่ก็ไม่ออกมา พยายามแค่ไหนก็เท่านั้น แค่ยอมรับสภาพบางอย่างเพื่อจะได้อีกหลายๆอย่าง ควรยอมนะครับ ยอมเพื่อได้ ทำไม่จะไม่ยอม หรืออีโก้มันใหญ่ไป...