การได้มาซึ่งคำตอบ ทำให้เกิดคำถามต่อไป

เมื่อโลกพัฒนาไปเรื่อยๆ อย่างไม่สิ้นสุดนั้น สิ่งทีทุกคนหาคือ กุญแจดอกเดียวที่ไขความลับของทุกสิ่ง แต่เมื่อยังหาไม่พบ ในการแก้ปัญหาในแต่ละครั้ง เราก็จะพบคำตอบที่น่าจะถูกที่สุด และคำตอบที่น่าจะถูกที่สุดนั้น มันจะมีคำถามต่อไปอยู่ในนั้น เมื่อเราเป็นนักการขาย เป้าหมายขายคือ 1ล้าน เมื่อหาทางขายได้ วิธีการได้มา 1ล้านนั้นเป็นคำตอบ แต่ถ้าคำตอบขยับไป เช่น ทำอย่างไรให้ไ้ด 10ล้าน วิธีไขปัญหาคงจะไม่ใช่วิธีเดียวกับการขาย1ล้านเป๊ะๆแน่ๆ และถ้าเราปรับแต่งโจทย์อีกหน่อย เช่น ทำ1 ล้าน ภายในเวลากำหนด...

จงเชื่อสถิติ มากกว่าเชื่อสายตา

สังเกตไม๊ หลังๆพอเศรษฐกิจไม่ดี สภาพอะไรที่เคยคึกคักมันก็ดูหงอยเหงาไปหมด มันแปลว่าน่าจะแย่ ภาพรวมๆ เช่นร้านนี้แต่ก่อนคนเข้าเยอะมาก แต่หลังๆ แทบไม่มีคน ก็เลยอนุมานไปว่า ร้านนี้ไม่น่ารอด แต่อยู่ๆไป ทำไมมันไม่ตายสักที คนก็ไม่มีเข้าร้าน ซึ่งเรื่องพวกนี้เราคิดกันไปเองแต่ฝ่ายเดียว ไม่ได้รู้เรื่องราวและความจริง ถ้ามันอยู่ได้ แสดงว่ามันต้องมีอะไร หรืออะไรดีซ่อนอยู่ไม่ได้บอกเรา เพราะถ้ามันอยู่ไม่ได้ มันก็ต้องเจ๊งไปด้วยกฎของธรรมชาติ ในบางครั้งยอดที่เรามองเห็นอาจจะลด (offline) แต่ยอดที่เรามองไม่เห็นอาจจะโตขึ้นมาก(online) ถ้าเราไม่ได้เห็นครบ ไม่ได้เห็นรายรับจ่าย...

เป็นเด็กบ้าง เล่นบ้าง มันรู้สึกดีขึ้นเยอะ

พอโตๆขึ้น มันก็มีหน้าที่มีอะไรๆที่ต้องทำเยอะแยะไปหมด แต่ละเรื่องมีแต่สิ่งที่ต้องทำ และต้องทำ ต้องทำ หน้าที่การงาน การหาเงิน เป็นห่วงอนาคต ทำมันจนเหมือน ชีวิต ไม่เป็นชีวิต แม้ว่าเราอ่านหนังสือ ก็จะบอกว่า ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ความคิดสร้างสรรค์มันไม่ได้เกิดในสภาวะเดิมได้ ความน่าเบื่อจำเจ อยู่ในพื้นที่แบกโลกมันคิดอะไรไม่ออก ทำไมคนถึงไปเที่ยวแล้วมีความสุข เพราะเขาได้ออกจากกรอบที่เค้าจำต้องอยู่ เพราะถ้าเค้ามีความสุข เขาไม่ต้องออกจากมันไปก็ได้ การเป็นแสร้งทำตัวเป็นเด็ก ย้อนเวลา อ่านการ์ตูน เล่นเกม...

good to the Great มันห่างกันเยอะนะ

คำว่าดี กับคำว่าเลิศเนี่ย สมัยนี้ คำว่าดี มันเกลื่อนเหมือนนักศึกษาจบปริญญาตรี ดีมากคงเหมือนปริญญาโท แต่การจะไปสู่เลิศ ที่คล้ายปริญญาเอกเนี่ย มันยากเอาการ สมัยนี้คนเก่งมันเยอะไปหมด มันเลยยากหน่อยถ้าคุณแค่เป็นคนพื้นๆ เพราะมันไม่ได้มีอะไรแตกต่าง เพราะแค่คุณทำได้ ใครๆก็ทำได้ แต่ถ้าจะให้เลิศ มันต้อง มุมานะ อุสาหะ ไม่ใช่แค่ทำได้ ไม่ใช่คิดเป็น มันต้อง คิดอะไรที่เป็นของตัวเอง และให้สังคมยอมรับมัน มันไม่ใช่แค่ระดับเพ้อเจ้อ มันไม่ใช่แค่ต้องมุกับการลองผิดลองถูกแล้วเจอปฎิเสธ...

รู้เรื่องชาวบ้านมากไป จะลืมรู้ตัวเอง

วันๆ เช้ามาก็อ่านข่าว เราก็อ่านว่ารอบบ้านรอบโลกมีเรื่องอะไรบ้าง จะได้ทันเหตุการณ์ทันสมัย เราต้องรู้เรื่อง การงาน ให้รู้เรื่อง รู้จริงและทำได้ และยังต้องรู้ว่าอนาคตเป็นอย่างไร เพื่อความอยู่รอด เราต้องรู้เรื่องราวในสังคมรอบๆข้าง ว่าใครทำอะไร เป็นอะไร ถึงไหนกันแล้ว มีแต่เรื่องรู้เยอะไปหมด เปิดเฟสอ่านไลน์ ก็มีเรื่องให้รู้… เรื่องชาวบ้านทั้งนั้น ถ้าเรารู้มันมากเกินไป มันจะไม่มีเวลามารู้เรื่องตัวเอง ถ้าเรายุ่งกับชาวบ้านมากเกินไป มันจะเสียเรื่องกับตัวเอง การที่อ้างเอาความรู้ว่าต้องเอาความทันสมัยทันโลกทันเหตุการณ์มารู้ตัวเองก็ดี แต่มากไปมันไม่ดี มากไปมันจะไม่มีเวลามาให้พิจารณาตัวเอง...

ก่อนนอน เคยถามตัวเองหรือไม่ว่า วันนี้ทำอะไรหรือยัง

ทุกๆวันที่มีวันละ 24 ชม. ที่ทุกเช้า เราตื่น และกลางคืนเราหลับ หลายคนอาจจะต้องมีกิจวัตร กิจกรรมมากมาย อันนี้รวมถึง เดินทาง กินข้าว ทำงาน แน่นอน วันๆหนึ่งเราทำอะไรมากมาย งานอาจจะเยอะ ประชุมทั้งวัน หรือเสียเวลากับการเดินทาง บ่นโน่น ตำหนินี่ แต่ไม่ว่าจะทำอะไร ก่อนนอนเคยคิดไหมว่า วันนี้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับตัวเองหรือยัง อะไรที่ทำให้เราคิดว่าวันนี้ที่ผ่านมาแล้วและมันไม่ย้อนกลับมา มีค่า บางคนอาจจะตอบว่าวันนี้หาเงินได้เท่าไร...

วันที่แย่ๆ ให้ระวังความคิดตัวเอง

วันทุกวัน มันก็วันเหมือนกัน มันจะเป็นวันดีของใครบางคน และก็เป็นวันไม่ดีของใครบางคน วันที่ดี อะไรมันก็ดีไปหมด เรื่องอะไรมันก็ดีมีความสุข ใครเตือนอะไรก็ไม่ฟัง เพราะมันง่าย มันสบาย และมันดีไปหมด แต่พอวันที่ไม่ดีเข้ามาเยี่ยมเยียน ผ่านมาหาบ้าง พอเรื่องร้ายเกิดขึ้น มันเป็นสิ่งที่จะทำให้เรามองโลกในแง่ร้ายขึ้นมาทันที มันอาจจะเป็นเรื่องปกติของความรู้สึกต้องป้องกันตัว เลยคิดว่าคนอื่นจะมาทำร้ายเราตลอด แต่ที่มันทำร้ายคือความคิดตัวเราเองที่จะทำให้มันมากเกินไป มากจนบางครั้งเราไม่สามารถคุมความรู้สึกของเราให้มันอยู่ข้างในได้ และถ้ามันออกมา แสดงออกมากระทบคนอื่น มันก็จะทำให้เรื่องแย่อยู่แล้วแย่เพิ่มขึ้นไปได้อีก ผู้ที่ฝึกฝนตัวเอง ต้องควบคุมตัวเองได้ ผู้ที่ผ่านเรื่องร้ายมาแล้ว...

ความยากที่สุดของทำอะไรสักอย่างคือ ทำอย่างต่อเนื่อง

จะทำอะไรสักอย่าง เราก็อยากจะทำเร็วๆ เสร็จเร็วๆ ทำเป็นโปรเจคไป แต่การตั้งใจทำอะไร ที่จะทำมันไปเรื่อยๆจนกว่าชีวิตจะหาไม่นั้น เป็นสิ่งที่ยากลำบาก สัจจวาจาอธิฐาน เมื่อตั้งใจทำมันแล้วต้องทำมันตลอดชีวิตนั้น ผมขอยกย่อง คนที่ไม่กินหมูตลอดชีวิต มันใช่ว่าจะยาก แต่โอกาสพลาดมันก็มี คนที่กินมังสวิรัติ จะกินแต่ผักไปตลอด มันก็ไม่ง่าย แต่บางที อ้างหมูเจ ไก่เจ ปลอมไปหน่อยก็โอเคน่า แต่จริงๆที่ยากคือ เราต้องปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา ให้ทันสมัย อยู่ในสังคมได้ แม้ว่าสังคมจะพัฒนาไปแค่ไหน...

สังคมมีปัญหา เพราะคนไม่รู้มาวิจารณ์

เดี๋ยวนี้ ในหน้า โซเชียล มีแต่พวก อวดรู้ มีใครพูดอะไร ก็มีคนมาแย่งมาแสดงความคิดเห็น แล้วคนไม่รู้พูดให้กับคนที่ไม่รู้ฟัง มันก็เฮกันไปใหญ่ ความจริงอยู่ตรงไหน ในเมื่อคนแต่ละคนไม่ได้ให้เกียรติกัน คนแสดงความคิดเห็นก็ไม่ให้เกียรติคนอ่านคนฟัง ไม่ได้ทำการบ้าน ไม่ได้ทำวิจัย ไม่ได้มีความรู้มาก่อน อาศัยเอาใจตัวเองเข้าว่า ใช้ความรู้สึกเข้าว่า เอาดัง เอาสนุก เอาเฮฮา เรื่องเสียเยอะมากเพราะเหตุนี้ อยากดัง มันก็มีหลายเรื่อง แต่จะดังเร็วที่สุดต้องเป็นเรื่องไม่ดี เพราะข่าวไม่ดี...

เมื่อหาเวลาว่างไม่ได้ ก็หาเวลาทบทวนและพัฒนาไม่ได้

ดูๆแล้ว คนเราจะยุ่งอะไรขนาดนั้น แต่ดูเหมือนยุ่งในเรื่องไม่จำเป็นสักเท่าไร เดี๋ยวนี้คนติดโซเชี่ยลตลอดเวลา ถ้ามันเป็นประโยชน์ มันก็คงทำให้เจริญขึ้น แต่ส่วนใหญ่ ติดเพื่อฆ่าเวลา ติดเพื่อสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่น ติดเพื่อดูอีโก้ตัวเองว่า ที่โพสไปมีคนกดไลค์เท่าไร พอทำแบบนั้นเป็นวัฎจักร มันก็จะเลยพาลไม่มีเวลาไป ทำไปเรื่อยๆ จนไม่ทันฉุกคิดว่า ที่เสียเวลาไปนั้นไม่ได้ก่อเกิดประโยชน์ ไม่ก่อเกิดรายได้ แถมบางที หาเรื่องเสียเงิน เพราะเห็นคนอื่นมี หรือเห็นของเซลจนเราเองทนไม่ได้ต้องมีด้วย ต้องซื้อด้วย มันเป็นเหมือนว่า คนเดี๋ยวนี้ที่ฉลาดขึ้น กลับโดนหลอกง่ายกว่าเดิม...