สมัยนี้ ใครๆก็ให้ความสนใจกับ การออม และ รวมไปถึงการลงทุน
ตามหลักการแล้ว ยิ่งออม และลงทุน ตอนที่อายุยังน้อย ก็ยิ่งมีโอกาสงอกเงินได้มากกว่า
ด้วยหลักการดอกเบี้ยทบต้น ช่วงแรกๆมันอาจจะมองไม่เห็นความแตกต่าง
แต่พอผ่านไปเป็นสิบๆปี ผลตอบแทนมันยังสูงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ
แต่สำหรับคนรุ่นใหม่อาจจะมีความเข้าใจในการลงทุนที่ยังไม่ถูกต้องนัก
เพราะ ที่มีของเงินออมคือ
รายได้ – รายจ่าย = เงินคงเหลือ ซึ่งเราเรียกว่าเงินออม
และ นำส่วนหนึ่งของเงินออมไปลงทุน จะเป็นส่วนมากหรือส่วนน้อยก็ตามที
แต่ผมเห็นบางคน ไม่ได้นำเงินออมที่ได้มาจากสมการที่กล่าวมาข้างต้นมาลงทุน
แต่ได้นำมาจาก การหยิบยืม การกู้ยืม แม้จะได้มาโดยไม่เสียดอกเบี้ยก็ตาม แต่มันผิดหลักการออม
ก่อนที่จะก้าวมาอยู่ในหลักการลงทุน อย่างปลอดภัย
ถามว่า ทำได้ไหม ก็ตอบว่า ทำได้ แต่ความเสี่ยงที่จะผิดพลาดนะสูง
ถ้าเราเอาส่วนหนึ่งของการออมมาลงทุน ผิดพลาด หรือขาดทุน มันก็จะไม่กินไปต่ำกว่าทุน
แต่หากเราได้หยิบยืม หรือกู้ยืมมา ก็อาจจะทำให้เรา เป็นหนี้สิน เจอสภาพติดลบ และกว่าจะแก้ลบให้เท่าทุนได้ก็ย่อมใช้เวลาอยู่มากโขทีเดียว
ซึ่งในช่วงแรกๆ ของคนที่ออม มักอยู่ในช่วงที่ เริ่มมีรายได้ หรือเริ่มต้นทำงาน
และอาจจะเหลือเงินหลังจากค่าใช้จ่ายไม่มาก เมื่อนำมาเก็บออมนั้น อาจจะดูไม่เยอะเลย
แต่เรื่องพวกนี้เราก็เร่งให้มันเร็ว ก็คงมีแต่ทำงานเพิ่มเพื่อหารายได้เพิ่มขึ้นเท่านั้น
จะมาหวังให้เอาเงินเก็บเงินออมไปลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนมากๆนั้น มันเป็นเรื่องความเสี่ยงที่ไม่น่าจะรับได้
เพราะ เราต้องมีเงินออมสักระดับหนึ่ง แล้วเอาเงินส่วนเหลือจากที่ออมไว้เพื่อความจำเป็นนั้น ถึงเอาไปลงทุน
อย่าพึ่งรีบร้อนให้มันโตเร็วๆ เราต้องเข้าใจหลักการ เราต้องมีประสพการณ์ เราต้องมองให้ขาด และเข้าใจตัวเอง
เด็กๆมักใจร้อน และโดนชักจูงได้ง่าย แม้ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นคนที่เก่งก็ตาม
การทำอะไรรีบร้อนเกินตัวย่อมเป็นทางแห่งความชิบหายทุกขณะ
เงินลงทุน จริงๆต้องเริ่มมองทำอย่างไรให้มั่นคงก่อนที่จะทำให้มันงอกเงย
เพราะถ้าเร่งโต มันก็มีความเสี่ยงที่จะตาย
อย่าไปเชื่อคำโฆษณาต่างๆ ว่าทุกอย่างมันง่าย เราอาจเชื่อเพราะความโลภ
แพ้ชนะ อยู่ตรงที่ ความก้าวหน้าที่เป็นไปได้ ไม่ใช่โม้อวกาศเพ้อฝัน
RIZsaving