อย่าวิ่งตามความฝันของคนอื่น

ความฝันเป็นสิ่งที่ดี และถ้ามีความพยายาม ก็น่าจะทำให้ฝันเป็นจริงได้ บางทีความฝันของคนๆหนึ่ง โดนส่งมอบไปให้คนอีกคนหนึ่งอย่างไม่รู้อะไร และในบางครั้ง ก็ไม่ได้เต็มใจนัก เช่น ในรุ่นพ่อแม่ทำไม่ได้ ก็เลยมากรอกความคิดให้รุ่นลูกทำ ถ้าเราไม่ได้เข้าถึงกับความฝันในเชิงลึกนั้น มันก็รู้สึกได้เพียงว่า เราทำให้กับคนอื่นเขา พอเราทำให้คนอื่นเขา เราก็เลยไม่อิน มันก็เหมือนแค่ทำส่งๆไป มันเหมือนกับเป็นงานอีกงานหนึ่ง บ่อยครั้งมากที่มันน่าเบื่อ เราต้องทำให้ ในสิ่งที่เราไม่ชอบ แล้วเราต้องฝืนทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับมัน มีแต่ความกดดันมาให้ เราก็ไม่อยากทำ งานมันก็ออกมาไม่ดี...

ต่อให้เราเก่ง ถ้าเราเจอคนเก่งกว่า เราก็จะตัวเล็กลงทันที

ความภูมิใจของคนเราในบางครั้ง ถ้าเราทำอะไรได้ ทำอะไรดี ถ้าเทียบกับในกลุ่มที่เราอยู่แล้ว เราทำได้ดีกว่า เก่งกว่า เราจะมีความรู้สึกว่า ตัวเราใหญ่ ใหญ่มาก จนบางที อาจจะเผลอคิดว่า เรานี้เก่งที่สุดในโลกหล้า แต่พอออกจากกลุ่มที่เราคุ้นเคย ไปเจอสังคมที่ใหญ่กว่า เราอาจจะรู้ความจริงว่า ที่เราเคยบอกใครๆว่าเราเก่ง เก่งกว่านั้น ยังมีคนเก่งกว่าเราอีกเยอะแยะมากมาย อะไรที่เราว่ายากๆแล้วเราทำได้ มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆง่ายๆของคนพวกนั้น ความภูมิใจที่เรามี จะเหี่ยวลงทันที และมันจะทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เราเคยมั่นใจ เคยผยองนั้น...

ความสำเร็จมีจริงไหม แต่ที่แน่ๆ ความอดทนมีอยู่จริง

ตอนเราตั้งใจทำอะไรสักอย่าง เราก็คาดหวังว่าเราต้องสำเร็จกิจกับสิ่งนั้น บางทีเราก็รู้บ้างว่าเราต้องเจออะไร และก็มีอีกมากที่เราไม่รู้ว่าเราต้องเจออะไร แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามที เราก็ต้องทำ และแก้ปัญหาไปเรื่อยๆจนถึงปลายทาง ถึงแม้ว่าจะถึงปลายทางแล้ว เราอาจจะเจอว่า ทำเสร็จแต่ไม่ประสพความสำเร็จก็ตาม ในบางครั้ง คนเราก็ล้มเลิกก่อนสำเร็จนิดเดียว แค่นิดเดียว ที่เราถอดใจ เพราะเราคิดว่าความสำเร็จมันอาจจะอยู่อีกไกล หรือมองไม่เห็น แต่บางที มันอาจจะแค่อีกนิดเดียว นิดเดียวเท่านั้น เราไม่รู้หรอกว่าความสำเร็จมีอยู่จริงไหม เพราะไม่ใช่เราบอก ต้องให้คนอื่นบอก สังคมบอก เรารู้สึกได้แค่ความพอใจกับสิ่งที่เราทำ และก็เรื่องพยายาม...

ถ้าเตรียมพร้อม มันต้องเตรียมให้เกินไว้ก่อน

การเตรียมพร้อม บางทีเราก็ไม่รู้ ต้องเตรียมตัวอย่างไร ถึงจะพร้อม เราก็คาดเดาไปเรื่อย แต่ก็ไม่รู้จริง ไม่รู้เลย แต่พอถึงเวลา มันจะเฉลยเอง ซึ่งก่อนถึง ไม่ใช่รอเวลา ให้มาถึง แล้วไปแก้ไขเฉพาะหน้า ก็ต้องเตรียม แต่จะเตรียมทางเดียวเราก็ไม่รู้ไม่แน่ว่าจะมาทางนี้ ที่ใช่ เราก็เลยต้องเผื่อไปมากๆหน่อย ถ้ามันมาจะได้เทียบเคียงไปต่อได้ ไม่ตื่นสนาม ถ้าเราเตรียมพร้อมให้มาก มากกว่าจริง เพราะเราใส่ใจ ว่ามันสำคัญ และเมื่อเรามองแบบนี้ เราจะไม่ประมาท...

เรากลัวผิดหวัง จึงไม่กล้าทำหรือ

ความหวัง มุมนึงมันก็สวยงาม แต่อีกมุมนึง มันก็น่ากลัว อยู่ที่มุมมองเลยครับ แต่คนส่วนใหญ่ ชอบมอง แต่ไม่ชอบทำ ชอบใช้ปาก แต่ไม่ใช้หยาดเหงื่อและแรงกาย มีความสามารถ แต่ไม่ได้พิสูจน์ว่ามันใช้ได้ อยากจะทำ มันก็มีสองทาง คือทำได้ และทำไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ ได้ทำ แต่ถ้าคิด จะทำ คิดว่าทำได้ สุดท้าย มันก็ยังไม่ได้ทำ ทำก่อน ทำสิ...

เมื่อเริ่มต้น ต้องทำให้หนัก

เมื่อเราก้าวจะทำอะไร เราย่อมมีต้นแบบ ซึ่งเป็นผู้ประสพความสำเร็จในสิ่งที่เราทำ และเมื่อเราฟังเขาพูด แม้ว่าเขาบอกว่ายาก เราก็ดูเหมือนง่าย แม้ว่าเค้าบอกเตือนก่อน เราก็คิดว่า ไม่เท่าไร น่าจะทำได้…ง่ายๆ แต่เมื่อเริ่มทำเอง ถึงมีคนแนะนำ มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด และจุดนี้ เป็นจุดที่คนส่วนใหญ่ ถอดใจ ก็เพราะมันไม่ง่ายจริงๆ และไม่มีอะไรง่ายๆ แต่ถ้าเรามีมุมมองว่า เมื่อเข้ามา เราต้องทำมันให้หนัก ให้สุด ให้เป็นตายกันไปข้างนึง ถึงแม้เรื่องจะไม่ง่าย แต่ถ้าเราทำมันอย่างหนักตั้งแต่ทีแรกแล้ว...

สำหรับผม ความพยายาม สวยงามเสมอ

ใครๆก็จะบอกว่า เมื่อสำเร็จกิจการใดๆนั้น มันสวยงาม และหอมหวานเสมอ สำหรับผม ก็ได้มีโอกาส ที่ได้พบเจอคนมากหน้าหลายตา ทั้งที่ประสพความสำเร็จ ทั้งที่ล้มเหลว แต่นั่นมันเป็นคำตอบปลายทาง หลังจากที่ผมเอียน กับการฟังเรื่องของคนที่ประสพความสำเร็จนั้น ผมได้สนใจในบางสิ่งบางอย่าง คือความพยายามของคนเหล่านั้น ที่ทำตอนยังไม่บรรลุกิจ หรือประสพความสำเร็จ ว่าเค้าต้องบากบั่นยังไง เค้ามองเห็นปลายทางหรือเปล่า และแน่นอนมันก็ต้องมีเรื่องให้ท้อ มีคนปรามาส เขาผ่านมันได้อย่างไร หยาดเหงื่อ และความกดดัน มันเป็นอย่างไร ที่ทำให้เขาพุ่งไปข้างหน้า...

ออกจากบ้านกะลาแลนบ้าง

ความรู้เดี๋ยวนี้ อยู่กับบ้านก็หาได้เพราะเราสามารถสืบค้นหาในอินเตอร์เน็ต เพราะอินเตอร์เน็ต มันเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตหลายๆอย่าง แม้หลายคนจะพูดว่า ไม่ต้องออกจากบ้านก็ได้ เพราะเราหาได้ในเน็ตนั้น แต่ถ้าเราไม่ได้ออกไปไหน เราจะไม่ได้เห็นอะไรด้วยตาตัวเอง เพราะในอินเตอร์เน็ต เราจะเห็นด้วยตาคนอื่น ในมุมมองความคิดของคนอื่น ถ้าเราอินกับสิ่งนั้นมากไป เราจะโดนชักจูงไปตามแนวความคิดของแต่ละคนที่เราติดตามอยู่ เพราะแค่กล่องสี่เหลี่ยมที่เรามอง มันอาจจะบอกความเป็นไปทุกซอกทุกมึงของโลกนี้ได้ แต่มันไม่มากพอที่จะบอกเรื่องราวความจริงได้ บางครั้งเราเปิดข่าว cnn มันก็ออกไปแนวทุนนิยม เมื่อเราเปิด cctv มันก็บอกมุมมองในโลกสังคมนิยม เหมือน aljazeera...

จะพูดน้อย หรือพูดมาก ไม่สำคัญ สำคัญต้องรู้เรื่อง อย่างมีเชิง

เวลาจะพรีเซนการขาย บางทีได้เวลามาก เราก็พูดมาก ได้เวลาน้อย เราก็พยายามพูดมาก แต่ที่เราพูด เราไม่ได้สนใจคนฟังเลย เราสนใจว่าจะมีเวลาแค่ไหน ที่เราจะยัดเยียดทุกอย่างให้คนฟังไป แล้วใครจะคิดตามเราละ เราอาจจะคิดไปเอง เราพูดเท่าที่เราอยากพูด เราพูดจนเราพอใจ คิดไปว่า ลูกค้าได้ประโยชน์ แต่ไม่เคยคิดจะถาม หรือสนใจลูกค้าเลยว่า ลูกค้าสนใจไหม แต่ถ้าเราคิดกลับเป็นคนฟัง เราต้องพูดอะไรที่เขาอยากฟัง ไม่ใช่ที่เราอยากพูด แม้ว่าเขาจะมีเวลาให้เราเยอะ แต่แค่ไหนที่เขาอยากฟัง เวลาเค้าอาจจะมีเป็นชั่วโมง แต่ถ้านาทีแรกเรียกร้องความสนใจไม่ได้...