มีเวลาว่างควรทำอะไร

บางคนก็ว่า วันหยุด หรือมีเวลาว่าง ต้องพักผ่อน ต้องไปเที่ยว แต่จริงๆ ทำอะไรก็ได้ ที่อยากทำ อ่านหนังสือ ดูทีวี หรือไม่ทำอะไรก็ไม่ผิด แต่จะผิดถ้าจะปล่อยเวลานั้น มันให้ผ่านไปอย่างไม่เกิดประโยชน์ ประโยชน์ ที่เราได้จากการทำสิ่งต่างๆหรือไม่ทำนั้น มันก็มีตามเราที่เราจะพินิจวิเคราะห์ แค่หยุดว่า เราเป็นเหยื่อสิ่งต่างๆหรือเปล่า มันก็ดีแล้ว RIZfree

ความสำเร็จของคนอื่น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นมองหาในเรา

ความสำเร็จของคนอื่น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นมองหาในเรา แต่เราก็จะมองความสำเร็จของเรา ในมุมมองที่เรามองคนอื่น ด้วยความคิดที่ไม่ได้ตรงกัน มันก็มีข้อถกเถียงกันไม่จบสิ้น มันก็ต้องอยู่ที่เราจะเลือกอะไร ถ้าเอาตามใจเรา มันก็ไม่ใช่อย่างที่คนอื่นอยากได้ แต่ถ้าเอาใจคนอื่น ก็ไม่ใช่อย่างที่เราอยากได้ จะหาตรงกลางก็ได้ แต่มันต้องสมดุลย์ในสิ่งแตกต่างกัน จนอาจจะไม่ได้ทั้งสองอย่างก็ได้ ถ้าเลือกได้ก็เลือกเอา แต่ถ้าเลือกไม่ได้ มันก็อาจจะไม่ได้ทั้งคู่ RIZsuccessforsome

เวลาเรามองตัวเองในกระจก มันดูดีเกินจริงเสมอ

ยังไงซะ เราก็ต้องเข้าข้างตัวเอง ในพื้นฐานของคน มันก็ต้องเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน และนั่นก็จะเป็นจุดที่เราฝึกมองภาพที่เกินจริง เราอาจจะเป็นคนที่มองโลกแง่ดีในหลายๆเรื่อง มันก็ดี แต่มันก็คือแง่ดีเกินจริง บางทีคนก็ว่าเรามองโลกในแง่ร้าย เราก็อาจจะมองมันร้ายเกินจริง มันไม่ใช่เรื่องความพอดี แต่มันเรื่องมองความจริง อย่างที่มันเป็นหรือเปล่า ถ้าเราใส่สมการที่ถูกต้อง คำตอบก็จะออกมาถูก แต่ถ้า เราใส่สิ่งที่เกินจริง แล้วเราต้องหาคำตอบที่ถูก มันก็ย่อมมี หรือ เพิ่มตัวแปร อะไรบางอย่างมาหักล้าง จนกลายเป็นสมการที่ยุ่งยาก เพราะ มันกลายเป็นเงื่อนไข...

ถ้าเราไม่มีประโยชน์ จะมีเหลือคนคบเราไหม

เป็นคำถามที่น่าสนใจเหมือนวัดความเป็นเพื่อน แต่ก็อยากให้คิดอีกแง่มุมหนึ่ง เพราะเรามีค่าจึงมีคงมาขอพึ่ง จะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย เราก็แยกแยะได้ วันๆก็ไม่เหมาะที่จะสวลเสเฮฮาอย่างไร้สาระแก่นสารไปวันๆ หากพิจารณาตามความจริงแล้ว ถ้าเจอคนที่ไร้คุณค่า รู้จักแล้วเป็นภาระ ในทุกแง่มุม มันก็ไม่ควรคบ เพราะอยากเจริญ ยังต้องฝึกคบบัณฑิต ตามกาลมสูตร ที่ว่าไว้ ถ้าเราอยากจะคบคนที่เจริญ เราก็ต้องเป็นคนที่เจริญเช่นกัน ถ้ายังไม่เจริญ ก็พยายามฝึกฝนทำตัวให้เป็นคนที่เจริญ เป็นคนที่มีประโยชน์ สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ อย่างน้อยสักทางหนึ่ง ถ้าเป็นคนที่ไร้ประโยชน์แล้ว ยังไม่มุมานะพยายามให้พัฒนาตัวเอง แล้ว...

ถ้าคุณไม่เคยทำอะไรสักอย่าง ก็ไม่แปลกที่จะไม่มีใครเห็นหัวคุณ

ตัวเองเก่งไหม ตัวเองมีค่าพอไหม บางครั้งเราก็ตีค่าตัวเอง ซึ่งคนที่มองเราก็ตีค่าเราเหมือนกัน ทำไมคนเก่งๆ ถึงมีค่าตัวสูงนัก ทั้งๆท่ี่บางครั้งเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรเก่งๆ หรือบางทีทำเรื่องง่ายๆ ที่เราคิดว่าใครๆก็ทำได้ แต่จริงๆคือ เขาทำครับ เขาไม่ได้คิดอย่างเดียว ถ้าคุณคิดว่าทำได้เหมือนเขา แล้วไม่มีโอกาส เพราะโอกาสวิ่งไปหาแต่เขา ไม่จริงเลยครับ เพราะเขาทำตัวและวิ่งเขาหาโอกาสก่อน จนรู้จักโอกาสดี ถ้าคุณไม่รู้ก็ควรรู้ไว้ครับ เพราะ ที่ไม่มีใครเห็นคุณ เพราะคุณไม่ได้ทำอะไรให้คนอื่นเห็น ถ้าสิ่งที่คุณทำเรียกว่าปิดทองหลังพระ มันก็ต้องยอมรับผลนั้นเช่นกันว่า ไม่มีใครเห็นหัวคุณ...

พูดน้อย มันก็จบง่าย

เรื่องบางเรื่อง มันก็มีความถูกผิด ถ้าคุยด้วยเหตุและผล และยอมรับกันได้มันก็ง่าย แต่ บางทีแต่ละฝั่งก็แสดงเหตุผลที่ตัวเองเชื่อถือ มันจะยาวยืดไม่จบ จนเลยเถิดข้ามความถูกผิด หากจะเข้าตรงจุด มันก็ต้องให้ง่าย และสั้น ไม่ต้องว่าความยาว เข้าใจได้ เข้าใจง่าย จบ RIZmakeitshort

หลายคนสร้างกำแพงจนกลัวเกินกว่าที่จะไปสัมผัสอีกวิถีชีวิตหนึ่ง

ใครๆก็อยากเปลี่ยนแปลง ใครๆก็อยากจะสบายแต่ไม่อยากเปลี่ยนแปลง สรุป คนที่อยากเปลี่ยนแปลง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พอไม่กล้าเปลี่ยนแปลง มันก็กลัวที่จะไปสัมผัสชีวิตใหม่ๆ ที่ไม่รู้เป็นอย่างไร เพราะทุกวันนี้ มันดีอยู่แล้ว หรือมันก็แย่แบบทนได้ ไม่ได้ต้องไปเสี่ยงอะเไรมากมาย แบบนี้มันกลัวเกินไป อยากได้ของใหม่ มันก็ต้องเสี่ยง ถ้าเสี่ยงแบบคิดดีแล้ว มันก็ไม่ยากเกินไป อยู่ที่ใจ สู้ไหม สู้หรือเปล่า RIZthewall

เมื่อหาทางออกไม่ได้ ก็ต้องหาอะไรมายึดเหนี่ยว

ความเชื่อในเรื่องที่เหนือธรรมชาติ มันเป็นสิ่งที่ตรรกะ อธิบายไม่ได้ หรือบางอย่าง มันเป็นการหลอมรวมของตรรกะ กับสิ่งที่อธิบายไม่ได้ ให้เกิดความเชื่อ มันอยู่ที่มุมมองจะมองมุมไหน แต่จริงๆ สองเรื่องนี้ มันไม่เหมือนกัน และ แยกเป็นสองเรื่อง แต่เมื่อเอามาผสมกัน มันก็กลายเป็นเรื่องใหม่ ที่ไม่รู้จะชี้ชัดไปทางไหน อยู่ที่หลักคิดของแต่ละคน บางคนเชื่อแค่บางเรื่องในสิ่งที่อธิบายไม่ได้ เพราะในคนนั้นอธิบายได้และไม่ได้ในตัวเอง แต่พอมาคุยอีกคนก็เป็นเรื่อง ที่คิดไม่เหมือนกัน มันก็มีถกเถียงกันบ้าง เอาว่า ความเชื่อนั้น มันเป็นความสบายใจของแต่ละคนที่เรียนรู้ด้วยเวลา...

เวลาเราเรียนจากหัวใจ มันไปไวมาก

ตอนเด็กๆ ต้องเรียนหนังสือ มันก็มีคนเรียนเก่งกับคนเรียนไม่เก่ง ส่วนใหญ่เรียนไม่เก่ง แต่ก็อาจจะเล่นกีฬา เล่นดนตรีเก่ง หรือถ้าไม่เก่งพวกนี้ ก็อาจจะเล่นเกมเก่ง สังเกตดีๆ ที่เก่งไม่เก่งเพราะ เราต้องทำ แต่ไม่สนใจหรือเปล่า มันเป็นเงื่อนไขของสังคมหรือเปล่า ที่บังคับให้เราทำในสิ่งที่เราไม่ได้อยากทำ พาลไปถึงต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบ แต่พอ ได้เร่ียนในสิ่งที่ชอบ เราทำกับมันได้เรื่อยๆ อย่าเรียกว่าทุ่มเทเลย เพราะเราสนุกไปกับมัน เราอยากรู้ เราค้นหา เราอยู่กับมันได้ทั้งวันไม่อยากจะนอนเลย เพราะถ้าใจมันชอบ มันทำด้วยหัวใจ...

ความเชื่อใจ จะทำให้เรากล้าทำในสิ่งที่เราไม่รู้

บางคนไม่รู้ ก็เลยไม่ทำ จริงๆว่า เขายังไม่รู้ เลยก็ยังไม่กล้าทำ แต่ถ้าหาก เขาจะ มันจะมีปัจจัยอะไรบ้าง 1 โดนบังคับให้ทำ มันเลยต้องรู้ พวกนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับงาน หรือความจำเป็น เพราะถ้าไม่รู้ มันก็จะมีเรื่องที่ไม่ต้องการตามมา เช่น ทำไม่ได้ โดนไล่ออก เรียนไม่ผ่าน ก็ไม่จบซ้ำชั้น 2 โดยศรัทธา ว่ามันต้องเป็นไปได้ พวกนี้จะอยู่เหนือจากกฎข้อแรก พวกนี้เสียสละลุ้นเอง...