บางทีความเงียบงัน มันก็เพราะมาก

ปกติ เราจะได้ยินเสียงอยู่ตลอดเวลา เสียงพูดคุยจากการปฎิสัมพันธ์ เสียงที่รื่นรมย์ของธรรมชาติ เสียงที่สร้างเป็นบทเพลง ทุกอย่างที่ทำให้เกิดเสียง เพราะ บ้างน่ารำคาญบ้าง แต่มันก็ทำให้รู้ว่ามีอะไรอยู่ แต่พอเงียบไป มันจะไม่ชิน บ้างเราก็เรียกมันว่าความเหงา เราเลยต้องการเสียงมาเพื่อทำให้เราไม่เหงา เช่นเปิดเพลงฟังตอนอยู่ในรถ หรือฟังข่าวสาร ต่างๆผ่านทางสื่อต่างๆ หรือแม้กระทั่งคุยกับใคร เพื่อคลายเหงา เราเสพติดเสียงหรือเปล่า แล้วเอามันไปผูกกับความเหงา ถ้าเราไม่มีเสียง เราจะกังวล เลยต้องหาเสียงใส่ตัว จะดีไม่ดี มันก็ดีกว่าเหงากระมัง...

มีความหวังนะ แต่ไม่คาดหวัง

มีความหวัง แต่ไม่คาดหวัง จริงๆมันก็ย้อนแย้งนะ แต่ก็ต้องลงลึกในรายละเอียด ของมุมทัศนคติแบบนี้ ว่า มีความหวัง แล้วหวังอย่างเดียวหรือเปล่า ถ้าใช่ ก็รอต่อไป คิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าหวังแล้วทำ หวังแล้วพยายาม มันก็ต้องได้บ้างแหละ แต่ถ้าหวังแล้วทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องเสียใจ มาตรึกตรองดีๆว่าเราขาดอะไร พลาดตรงไหน แต่ถ้าหวังแล้วต้องได้ ถ้าไม่ได้จะเสียใจ อาจจะพาลจนไม่ทำใหม่ อันนี้ก็แล้วแต่คนจะตีความหมายของประโยค RIZhopebutno

อย่ายื่นมือขอ โดยไม่มีอะไรแลกเปลี่ยน

อย่ายื่นมือขอ โดยไม่มีอะไรแลกเปลี่ยน มันต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้มันมา และนั่นคือความภาคภูมิใจ เด็กไทย สมัยนี้ ไม่ทรหด ก็ด้วยจาก ค่านิยมของสังคม ที่ไม่ได้ให้ต้องสู้ดิ้นรนอะไร เป็นเด็ก ก็แบมือขอ โตขึ้นมาพ่อแม่ผู้ปกครองกลัวลูกลำบาก ก็ไม่อยากให้ทำอะไร และแบมือขอ หรือเจอสังคมเขามีกัน เพื่อให้ยืนอยู่ในสังคมในบางระดับได้ ก็ยัดเยียดให้มี ขาดเหลืออะไรให้แบมือขอ ขอจนไม่รู้สึกว่ามันเป็นอะไรพิเศษ เป็นเรื่องกิจวัตร ส่วนคนให้ มีไม่มีก็ต้องหามาให้ได้ และถ้าไม่มีให้ เด็กก็กลับโกรธว่าทำไมไม่ได้...

อย่ากังวลกับอนาคตให้มากนักเลย

ผมเองก็เป็นคนนึง ที่ปกติคิดมากอยู่แล้ว คิดไปร้อยแปดพันเก้า แต่คิดๆไปก็ไม่ได้ใช้อะไร จนบางที คิดมากเกินกว่าเหตุ การวางแผนการสำหรับอนาคตมันก็ดี แต่มันก็ต้องมีความยืดหยุ่น เพราะเราไม่รู้จริงๆหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็แค่คาดเดาไปต่างๆนานา หรือใช้ประสพการณ์ที่คิดว่าแม่น ก็มากน้อยก็ต้องรอให้อนาคตมาถึงอยู่ดี การที่จะคิดมากไปก็ไม่ดี แต่คิดพอดีก็ไม่รู้อยู่ตรงไหน มาตราฐานของคนอื่นหรือจะเข้าใจตัวเอง คิดไป เอาแบบให้นอนหลับได้สนิท เพราะกังวลไป อนาคตก็ยังมาไม่ถึง ให้เวลามันหน่อย ผ่อนคลายหน่อย แล้วสนุกกับมัน กับสิ่งที่มา อย่ากังวล ให้มากนักเลย...

ไม่เหมาะที่จะเอาชนะใครด้วยการโต้เถียง

ชีวิตคนเรา ไม่ได้อยู่ในเวทีโต้วาที และเราก็ไม่ใช่นักการเมือง ในชีวิตของเราก็ต้อง มีกิจกรรมหลายๆอย่าง และส่วนมาก ส่วนใหญ่ก็ต้องเกี่ยวข้องกับผู้คน ในการทำอะไรนั้น มันก็มี ถูกบ้างผิดบ้าง ถ้ารู้แก่ตนมันก็ดี ไม่มีอะไร แต่ถ้า กิจที่ทำนั้น มันกระทบคนอื่น ทำให้เดือดเนื้อร้อนใจขึ้นมา ก็จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ยอมกัน ต้องมีกระทบกระทั่งทางวาจาก่อนเป็นหลัก หากเริ่มกระทบกันด้วยวาจา มีการโต้เถียงไปมา เริ่มใส่กัน จริงไม่จริง เริ่มไม่แน่ชัด เอาชนะกันอย่างเดียว เมื่ออารมณ์เริ่มบังตา...

วิ่งเร็ว หมดแรง วิ่งพอดี ก็ไปเรื่อยๆ

การออกกำลังกาย ถือว่าเป็นดี และเป็นสิ่งที่ควร และในขณะออกกำลังกาย มันก็เหมือนเป็นเวลาที่เราได้อยู่กับตัวเอง ก็ได้คิดไปเรื่อย หรือเอาสิ่งที่ผ่านตามาผสมในสิ่งที่คิด ผมอยู่ท่ามกลาง คนหมู่มากที่มาออกกำลังกาย และเมื่อผมเริ่มวิ่ง ในแต่ละครั้ง ผมก็มีความคิดไม่เหมือนกัน แต่บางเรื่องก็ได้ตระหนักว่า การที่เราวิ่งเร็ว เราจะหมดแรงเร็ว การที่เรา วิ่งช้า เราจะหงุดหงิดมาก เห็นคนแซงเราไปเรื่อยๆ ต้องฝึกทำใจ การที่เรา วิ่งประมาณตน ทำให้เราวิ่งได้นานขึ้น และเรียนรู้จักตัวเอง แล้วเราเอากิจกรรมทั้งหลายมาพิจารณา...

เปิดใจรับความต่าง

ในโลกที่เราคิดไปเอง เราจะมองทุกสิ่งที่อย่าง คน สัตว์ สิ่งของ ผิดไปหมด มันใช่เฉพาะตัวเรา ถูกเฉพาะตัวเรา เท่านั้น คนอื่นเห็น สังคมเห็น จะมองว่าเราเป็นพวก มีปัญหา ไม่ใช่เพราะเรามีปัญหา แต่เป็นเพราะ เราไม่ได้รับกฎของสังคม กฎของการอยู่ร่วมกัน การสนใจคนอื่นบ้าง เข้าใจคนอื่นบ้าง มันไม่ได้ผิดนะครับ จะผิดจากตัวเรา ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะผิด เราต้องเปิดใจรับความต่าง แล้วสังคมจะดำรงอยู่ได้ ไม่งั้น...

ความลงตัวแบบงงๆ

ชีวิตมันไม่ได้สูตรสำเร็จ แบบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ฉีกซอง เทน้ำร้อน รอกินได้เลย ชีวิตคนเราบางทีก็สับสน บางครั้งตรรกะที่เราคิด มันอาจจะไม่ถูกไม่เข้ากันเสมอไป ไม่ใช่เพราะตรรกะผิดนะครับ แต่เป็นเพราะเราเข้าถึงรายละเอียดได้ไม่ลึกพอ การที่ของสองสิ่งที่ไม่ได้เข้ากัน แต่มันเข้ากันได้ แม่เหล็กก็จำเป็นว่าขั้วเดียวกัน จะดูดกัน แต่มันกลับกัน ที่จะผลักกัน และขั้วตรงข้ามกัน มันกลับดูดกัน แม้ว่าเราจะเห็นของบางอย่างเหมาะกัน มันก็อาจจะผลักกันก็ได้ แต่ถ้าไม่มีอะไรเหมือนกัน ดันเข้ากันได้ซะงั้น โอเค RIZdiferent

สิ่งที่ได้ มีจำกัด

คนเราทุกคน อยากได้อะไรไปหมด แต่มันก็ไม่ได้ทุกอย่างที่อยากได้หรอกครับ แน่นอน แค่ตัวคนเราก็มีขนาดไม่เท่ากัน สูง เตี้ย อ้วน ผอม ความสามารถก็ย่อมไม่เท่ากันด้วย บางทีสิ่งที่เราอยากได้นั้น มันเกินความสามารถของเรา อยากได้มามันมา หรือได้มันมาแล้วก็เป็นทุกข์ บางที ก็ไม่สามารถเป็นเจ้าของสิ่งนั้นได้ไปตลอด บางคนอยากได้ของแพงๆ แต่เงินตัวเองไม่มี ถ้าไม่ได้ก็แค่อยาก แต่ถ้าฝืนได้มันโดยการใช้เงินล่วงหน้า มันก็เป็นหนี้ และถ้าจ่ายหนี้ไม่ได้ ก็จะเสียทั้งของ ทั้งคน และแถมเสียความรู้สึกของตัวเอง...

อย่าอ่านมากเกินไป ทำให้มาก ติดขัดค่อยกลับไปอ่าน

ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ปัญหานี้ เพราะความรู้มันท่วม เราเอาเวลาไปรู้มากกว่าที่จะลองทำ เราเอาสิ่งที่คนอื่นทำ มาเป็นภูมิความรู้ของตัวเองเสียหมด จนไม่ได้ทำเอง พวกนี้ ก็จะเก่งทฤษฎี จะไม่ได้เรื่องในปฎิบัติ คำแนะนำคือ อ่านแล้ว ต้องลองทำด้วย ทำให้มากกว่าอ่าน อ่านไปมากๆไม่ได้ทำ มันก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ทำให้มาก ติดขัดอะไรค่อยกลับไปอ่าน แล้วก็กลับมาทำต่อ งานถึงเกิดขึ้นได้ หาไม่ ความรู้ที่มี มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะรู้ RIZdontreadmuchjustdoit