มองสิ่งที่คนอื่นมองข้าม

การดำเนินชีวิต ถ้าเราทำมันเป็นประจำ บ่อยๆ มันจะมีแพทเทิร์นของมัน และพอบ่อยจนชิน มันจะดำเนินการของมันไปเอง แทบไม่ได้ต้องใช้สติ เหมือนอะไรที่ทำอยู่แล้ว เช่น ตื่นเช้า ออกไปทำงาน เที่ยงกินข้าว เย็นกลับบ้าน ค่ำๆดูทีวี แล้วก็นอน เป็นวัฎจักรของมัน หมุนอยู่แบบนนี้ แต่บางที ในความเคยชินของเรา มันก็มีสิ่งที่มีปัญหา แต่เราก็ปล่อยผ่านข้ามมัน ด้วยการยอมรับได้ นั่นคือความเคยชินนะครับ ไม่ได้แก้ปัญหา และปัญหานั้นก็ยังคงอยู่...

เคล็ดลับของคนนึง มันก็อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับอีกคนนึง

บางทีเรารู้อะไรมา มันเป็นเรื่องใหม่สำหรับเรา แต่มันก็ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่สำหรับคนอื่นเขา อย่าสำคัญผิด จริงๆมันก็ใช่ แต่ถ้าพูดไปแล้วจะไม่ใช่ อย่าดูที่ตัวเองอย่างเดียว ดูคนรอบข้างด้วย รอบข้างเขาอาจจะรู้แต่ไม่อยากบอก บางอย่างก็ต้องเก็บไว้ลึกๆ อย่าให้เขารู้ อย่างให้เขารู้ว่าเราไม่รู้ และให้รู้ในสิ่งที่เราอยากให้รู้ RIZknowsecret

สิ่งเล็กๆ อาจยิ่งใหญ่กว่าที่คิด

หลายคนมัวแต่อยากคิดใหญ่ ทำใหญ่ เอาให้ปังๆ แต่ส่วนใหญ่ก็แป๊ก เพราะ มันใหญ่เกินตัวเลยล้ม มันไม่ได้ใหญ่จริงๆ หรือเพราะเราคิดไปเอง แต่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมมาจากจุดเล็กๆ จุดที่เข้าใจคน แก้ปัญหาได้ เรื่องที่คนส่วนใหญ่มองข้าม คล้ายเป็นเสี้ยนตำเท้า อย่าน้อยใจ ถ้ามันเป็นเรื่องเล็กๆ แล้วมีคนบอกว่าเสียเวลา ให้หาอะไรใหญ่ๆดีกว่า พวกเขาอาจจะเข้าใจผิด หรือเน้นแต่ฝันเฟื่องไป ทำไปเถอะครับ ถ้ามันทำให้ชีวิตดีขึ้น แก้ปัญหาได้ เพราะถ้าเราแก้ได้ ก็จะมีคนที่อยากจะแก้ปัญหานี้มาหาเรา...

เราไม่ได้ขายของ เราขายคุณค่าของของ

เวลาคนเราซื้อของ เขาอยากได้อะไร ไม่ใช่คำตอบพวก ของดีราคาถูก แต่มันต้องเป็นความเข้าใจจริงๆ มันถึงจะวางตำแหน่งได้ถูก เช่นเราซื้อ ไดร์เป่าผม มันไม่ใช่เพราะเราอยากได้ไดร์เป่าผม เราอยากจะหาอะไรบางสิ่งบางอย่างมาเป่าผม ซึ่ง มันก็อาจจะใช้พัดลมก็ได้แต่มันก็ไม่ได้สดวกสบาย คนเขามาซื้อ ประโยชน์ และสิ่งที่รับจากการซื้อ ไม่ได้ลำพังที่ของมันอย่างเดียว ถึงแม้เราจะบอกว่า สิ่งที่เราขาย มันจะมีเทคโนโลยี ยังไง ใหม่แลดีแค่ไหน แต่มันก็ไม้ได้หมายถึง คนทั่วไปจะอินและเข้าใจสิ่งที่เราบอก เพราะเขาก็อยากได้ประโยชน์จากการซื้อสิ่งของมาใช้อยู่ดี ถ้าเราทำให้เขารู้ว่าเขาได้ประโยชน์...

เราเอาใจใส่เขา เขารู้หรือเปล่า

หลายๆคำสุภาษิตของไทย มันก็มีความเหมาะที่จะใช้สำหรับบางสถานการณ์ น้ำขึ้นให้รีบตัก ก็หมายถึงโอกาสมาให้รีบๆ ช้าๆได้พร้าเล่มงาน ก็บอกว่าทำอะไรก็ต้องใจเย็นๆ สองความหมาย มันก็ไว้ใช้ต่างบริบทกัน ความหวังดีก็เช่นกัน หากเราทำอะไรไปทุกอย่าง ด้วยการปิดทองหลังพระแล้วนั้น มันก็คาดหวังได้ว่า คนเขาก็จะไม่รู้ว่าเราทำอะไร และเราก็หวังให้เขารู้เองในสิ่งที่เราทำ แม้เป้าหมายที่เราทำมันคนละอย่าง จะให้เขารู้อย่างที่เราอยากให้เป็นมันยากมาก จริงๆเราควรจะปรับตัวเราเอง ถ้าอยากทำให้เขาเห็น ก็ต้องทำให้เขาเห็น ไม่ใช่ทำให้เขาไม่เห็นแล้ว หวังว่าให้เขาเห็น การเอาใจใส่เหมือนกัน ถ้าเราทำให้เขาทุกอย่าง เตรียมให้เขาหมด แต่เขาไม่รู้เลย...

ตรรกะมากๆ ก็แพ้สัญชาตญาณ

การเรียนรู้เข้าใจคน มันก็หาได้ทางประสพการณ์ หรือไม่ก็เป็นต้องหาความรู้เป็นวิทยาศาสตร์เอามากหน่อย จริงๆ มันก้เป็นความรู้เชิงลึกเพิ่มพูนความรู้ การที่เรียนรู้ว่าสมองคนเราทำงานอย่างไร มันก็บอกให้เรารู้เกี่ยวกับกลไกการทำงานของมนุษย์ เรื่องของการนึกคิด อารมณ์และความรู้สึก การใช้ตรรกะ เมื่อเรามีเวลา่ เราก็สามารถพินิจวิเคราะห์ไตร่ตรองได้ แต่ ถ้าเราฝึกมาไม่ดี อะไรจวนตัว เราจะใช้สัญชาตญาณไว้ก่อน เพราะมันเป็นสามัญพื้นฐานของคนเราทั่วๆไป เมื่อเราเข้าใจกลไกของสมอง เราจะรู้จักว่าเราจะต้องทำอย่างไรกับคน RIZislogic

ความมั่นใจ ต้องบอกตัวเอง

คนที่ไม่กล้า ก็ต้องหาความกล้าจากคนอื่น แต่คนทำก็เป็นตัวเองอยู่ดี จะไปลงคอร์สแล้ว จะทำให้ตัวเองกล้า มันก็ดี แต่มันทำได้จริงๆเหรอ ไม่ได้บอกว่าเสียเงินเสียทองแล้วจะดี หรือไม่ดี เพราะสุดท้ายก็แล้วแต่คน เพราะคนที่กล้า ต้องคิดเองเป็น คิดได้แล้ว ถึงกล้า ไม่ได้แค่บ้าบิ่น คนไม่กล้า เพราะเขายังคิดไม่จบ วนไปวนมา แล้วก็ไปถามความคิดเห็นของคนอื่น จะให้คนอื่นบอก ก็ยังมีแย้งอยู่ในใจ มีเผื่อได้เผื่อเสีย แบ่งรับแบ่งสู้ ถ้าไม่ดี ก็อ้างคนอื่น...

กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง

สำหรับสังคมฝรั่ง อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกหรือยากแต่อย่างใด แต่สำหรับคนเอเซีย หรือคนไทย มันกลับกลายเป็นเรื่องยากอย่างน่าตกใจ ด้วยความคิดอ่อนน้อมถ่อมตน ในบางครั้งอาจจะโดนกดขี่แบบไม่ถูกต้อง ปกติในด้านนึงผู้น้อยควรอ่อนน้อม แต่ผู้ใหญ่ก็ควรใจกว้างด้วยเช่นกัน เมื่อด้านใดด้านนึงไม่ได้ส่งเสริมกัน มันก็จะทำให้ปัญหาเกิดตามมา ในหลายๆครั้ง การทำงาน หรือสิ่งที่เราทำ มันไม่ได้ คิดถึงผู้ใหญ่หรือผู้น้อย มันก็มีความเท่าเทียมกันอยู่ แต่มันคงอยู่ในรูปแบบไหนที่จะแสดงออกมาให้เหมาะสม การทำในสิ่งที่ถูกต้อง หรือทัดทานผู้ที่ทำผิด ก็เป็นสิ่งที่สมควรอยู่ ไม่ใช่ไม่กล้า ไม่ควรกลัว ผลกระทบ แต่ก็ไม่ได้ห้าวหาญจนเป็นที่น่ารังเกียจ...

ถ้ามีความรับผิดชอบ… ผ่านได้ครับ

หลักในการทำงาน หรือจะทำอะไรก็ตามที มันก็ประกอบด้วยองค์ประกอบหลายๆอย่างด้วยกัน จะเป็นความสามารถ ความเข้าใจ ความสนใจ ก็ตามที แต่แรกสุดที่จำเป็นและต้องมีคือ ความรับผิดชอบ เมื่อได้มอบหมายงานให้มา รับผิดชอบแล้วนั้น เมื่อคนเรามีความรับผิดชอบแล้ว รายละเอียดก็จะตามมา ถ้าไม่รู้ก็ต้องหาความรู้ให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องหาทางทำให้ได้ คนที่มีความรับผิดชอบ มักไม่ทำอะไรชุ่ยๆ งานมันก็จะเนี๊ยบๆหน่อย มอบหมายให้คนมีความรับผิดชอบ เราก็เบาใจ RIZresponsibility

คนแน่จริง ถึงรอดได้ทุกสภาวะ

บางคนตกงานแล้ว ก็ยังหางานไม่ได้ ไม่ว่าจะตั้งค่าตัวถูกแค่ไหน บางคนมีคนมาตื้อให้ไปทำงานด้วย ทั้งๆที่ก็ไม่ได้อยากจะเปลี่ยนอะไร จะบอกว่าความเก่ง มันก็ใช่ แต่มันไม่ใช่เก่งเฉยๆ มันคือเก่งมากๆจนโดดเด่น หรือผมเรียกมันว่า ของจริง แน่จริง หรือมืออาชีพก็ตามที แต่การจะแน่จริง มันไม่ได้มาด้วยโชคช่วย เราต้องขวนขวายอย่างมาก จะว่าไปแล้วทำงานหนักกว่าคนทั่วไป ต้องรู้จริง ลึกซึ้ง จนเป็นที่ยอมรับของคนอื่น ทำงานได้ทั้งเล็กและใหญ่ และทุ่มเทกับมัน เป็นเท่าทวีคูณด้วยซ้ำไป แต่ถ้าหากไม่ทำอย่างนั้น เราก็กลายเป็นแค่คนธรรมดา...