ทุกคนที่เก่ง ย่อมมีคนริษยา

การเป็นคนเก่ง จริงๆมันดีนะ แต่เพียงแต่ การได้มาสิ่งนี้ จะได้บางสิ่งที่ไม่ได้อยากมาด้วย คนเราก็มีหลากหลาย ความรู้คิดอ่าน ไม่เท่ากัน ถ้าเช่นนั้นจะหวังให้ คิดเหมือนกันกับอย่างเราก็ไม่ได้ คนทั่วไปก็ย่อมชอบที่ให้คนมารักเรา แต่ก็ไม่ชอบที่คนเกลียดเรา แต่เราก็พยายามจะทำให้กลุ่มที่เกลียดเข้าใจเรา บางทีก็ได้ บางทีทำไปก็เสียเวลา จุดมุ่งหมายของเรา มันย่อมอยู่เหนือกว่า เมื่อมันใช่ ย่อมมีคนเข้าใจ ในท้ายที่สุด ปล่อยมันไปตามทางของมัน เราก็ทำหน้าที่ของเรา ให้ดีที่สุด ดีกว่า RIZwhenigood

เหตุผลมาทีหลังสำหรับบางเรื่อง

ผมใช้ตรรกะ ในการดำรงชีวิต เป็นอย่างมาก ผมใช้ตรรกะ ตัดสินแทบทุกสิ่ง เพราะมันคิดได้ คำนวนง่าย ผมใช้ชีวิตหลักๆ อยู่กับงาน สิ่งที่ทำ มันต้องรับผิดชอบ และตรรกะทำให้ผมทำงานง่ายเสมอ แต่ของบางอย่าง มันไม่ควรใช้ตรรกะตัดสิน ถ้าใช้มันตัดสิน คำตอบจะเป็นความถูกต้อง เหมาะสมมากกว่า ความรู้สึกว่าใช่ ของบางอย่าง ไม่ควรมีคำตอบ แต่ก็ชอบมีคนมาถาม มันเป็นปัญหาโลกแตก บางที ถ้าตอบไม่ได้ หรือตอบว่าไม่รู้...

ความถี่ถ้วนมากไปตัวฉุดลากชีวิตไม่ให้ดำเนินไปอย่างมีความสุข

ความละเอียดนะดี ละเอียดมากๆ ก็ดี แต่ละเอียดมากไป ไม่ดี จริงๆแล้วคนเราส่วนใหญ่ ไม่ค่อยละเอียด ก็ควรต้องฝึกให้มีความละเอียดเพิ่มขึ้น แต่พวกที่ละเอียดอยู่แล้ว ถึงจะฝึกให้มีความละเอียดเพิ่มขึ้นนั้นมันก็ดี แต่พอถึงจุดที่ต้องใช้ความละเอียด มันก็ต้องใช้อย่างพอดี อย่ามากไปจนหายใจไม่คล่องหรือหายใจไม่ได้ มันไม่ดีกับคนอื่นและตัวเอง ความเก่งควรมี แต่เก่งมากๆก็ควรแกล้งโง่เป็น ถ้ามันเก่งมากไปเป็นกรด จะไม่มีคนคบ เพราะเสียไม่ได้เสียไม่เป็น ต่อให้ยุติธรรมที่มากไป มันตึงไม่ยอมหย่อน มันก็อยู่ร่วมในสังคม ที่มีการผ่อนปรนไม่ได้ ไม่ผิดแต่ไม่ถูกต้อง เอาสบายๆ...

ทุกการเดินทาง สร้างประสพการณ์

ผมว่า คนไม่มีประสพการณ์ แปลว่าคนๆนั้นไม่ได้ทำอะไร และคงไม่ยอมทำะไร ไม่ผิดแต่มันไม่รู้อะไร ประหนึ่งเป็นกบอยู่ในกะลา ที่ไม่ยอมแม้จะมองออกไปจากกะลาที่ตัวเองอยู่ ทุกการเดินทางมีความหมาย มันไม่ได้หมายว่าเดินทางแล้วจะดี แต่ทุกการเดินทางมันจะเป็นสิ่งดี ถึงแม้ว่าจะไม่ดีก็ตาม ไม่ใช่ผมให้ออกไปแล้วเป็นทุกข์นะครับ เพราะถ้าบอกแบบนั้นก็ไม่มีคนออก แต่ความสนุกของมันอยู่ตรงนี้ ที่เราไม่รู้หรอกว่ามีอะไร มีแต่ความคาดหวัง ความคิด จินตนาการในสิ่งที่ยังไม่ได้เกิด และเราจะรู้ได้ ถ้าหาก เราออกเดินทาง RIZjourney

ถ้าเรารู้สึกพอ มันก็หยุดได้เอง

มนุษย์ย่อมมีความอยาก อยากโน่นอยากนี่ ไม่มี เราก็อยากมี เห็นคนอื่นมีเราก็อยาก แต่พออยากไปมากๆ เรารู้ตัวอีกที เราก็ไม่อยากมันแล้ว มีบางทีนะครับในความรู้สึกผม ที่ผมชอบทำโน่นนี่ตลอดเวลา แต่พอถึงจุดนึงวันนึง เบื่อมันซะดื้อๆ เหมือนถ้าใครดูหนังเรื่อง ฟอเรส กัมป์ ที่เขาอยู่ดีๆ ก็วิ่งไปครึ่งประเทศ พอวันนึง เขาก็หยุดไปซะงั้น ลักษณะของการหยุด มันเหมือนหยุดไปเฉยๆ แต่มันก็ต้องสั่งสมอะไรมามากพอจนถึงจุดพอ มันก็หยุดได้เอง มันก็ใช้ได้กับทุกอย่างนะครับ ไม่ใช่เกินไป...

ถ้าโอกาสมา ก็ต้องเลือก

ในชีวิตคนเรา ย่อมมีโอกาสผ่านเข้ามาตลอดเวลา แต่ในแต่ละโอกาส ก็ย่อมไม่เหมือนกัน มีดี มีไม่ดี มีมากมีน้อย มันก้ต้องเลือก ต่อให้ดี แล้วจะรับหมดมันก็ไม่ไหว เวลามีเท่ากัน ความสามารถมากน้อยแตกต่างกัน แต่มาสิบรับสิบได้ มาร้อยรับร้อยจะไหวหรือเปล่า พอเลือก จะเลือกแบบไหน แบบดี แบบมีความสุข แบบรวย มันก็ขึ้นอยู่กับบุคคล ว่าเขาขาดอันไหน หรืออันไหนสำคัญ แต่เอาอะไร มันก็ต้องแลกทั้งนั้น ต่อให้ฟรี...

เป็นนักสู้ อย่ากลัวเจ็บ

ไม่มีนักมวยคนไหนไม่เคยโดนต่อย แล้วจะชนะได้ แต่ถ้าคนไม่ยอมที่เจ็บก็เป็นนักมวยไม่ได้ หลายๆคนก็เลยเลือกที่จะไม่เป็น หรือเป็นอย่างอื่น แต่ความจะประสพความสำเร็จนั้น มันไม่มีทางเลี่ยงอันตรายแล้วเขาไปถึงเป้าหมายได้อย่างที่คิด ความคิดความฝัน ถ้าทำตามความฝัน มันต้องไม่กลัว อย่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เหยียบไปเถอะ ไม่ต้องกลัวเหม็นกลัวเปื้อน เสร็จแล้วก็ค่อยล้างมันก็ออก แต่ถ้าไม่กล้าเหยียบ ก็คงไม่ได้ก้าว RIZfighter

ยังไม่มีคำตอบตอนนี้ของสิ่งที่หา

ความคิดบางอย่างเวลาคิด มันก็จะคิดไปเรื่อยๆ สนุกดี กับบางคำถาม เราก็ต้องการคำตอบ แต่บางที มันยังไม่มีคำตอบ เราก็จะเค้นมา มันก็ไม่ได้ ยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ องค์ประกอบของคำตอบ มันต้องมี สติ เวลา ประสพการณ์ ถึงจะได้คำตอบที่ดี แต่ถ้ามีแต่ไม่ตอบ มันก็จะตอบในตัวมันเองอยู่แล้ว ขึ้นอยู่ว่าอยากจะได้คำตอบแบบไหน แบบที่ใช้ ที่ตกผลึกมาตอบหรือ เร่งมาตอบ แต่ทุกคำตอบ ก็อย่าไปเก็ง คาดหวังเมื่อไร...

เราเรียนรู้ตามเวลา

ชีวิตผมก็เดินผ่านกาลมาก็ไม่น้อย แต่ก็ยังไม่มาก ซึ่งก็ได้มองย้อนกลับไปดูตัวเองในช่วงผ่านมานั้น เราคิดอะไรบ้าง และมันก็น่าสนใจที่เรามองเรื่องเดียวกัน ในช่วงเวลาที่ต่างกัน มองไม่เหมือนกันเลย จะเป็นความเข้าใจที่ผ่านจากประสพการณ์เป็นช่วงๆ มันเลย ทำให้ผมมองเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และคนชรานั้น คงจะมีความคิดในแต่ละช่วงต่างกันด้วยเช่นกัน เราคงไม่อยากทะเลาะกับคนอื่น หากแม้ว่าเราเอาตัวเราเองในแต่ละช่วงมา นั่งรงมๆกัน คงทะเลาะกันสนุกแน่ๆ แต่สิ่งที่ผู้ใหญ่จะมีมากกว่าเด็กทั้งหลายคือความเข้าใจ เพราะเขาผ่านมาก่อน ผ่านจุดที่ไม่รู้ จุดที่เลือดร้อน ผ่านจุดที่หมดแรง เขารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ผมบอกไม่ได้หรอกว่า...

เรากลัวเงาตัวเองหรือเปล่า

ผมยืนอยู่ข้างนอก แสงแดดมากระทบผม อย่างร้อนเลย ผมก็เดินของผมไป ด้วยความรีบเร่งเลยไม่ได้สนใจอะไร แต่ตอนที่ผมไม่ได้รีบ ผมมองเห็นเงาตัวเอง สังเกตและสงสัย ว่า ในบางมุมของแสงที่มากระทบตัวผมนั้น มันให้เงาตกกระทบพื้นไม่เท่ากัน เมื่อพระอาทิตย์ตอนเที่ยงสาดแสง เงาของเราก็มี แต่ไม่มาก ดูเล็กๆ เมื่อพระอาทิตย์กำลังขึ้นหรือกำลังตก เงาของเราทอดยาว ยาวมาก จนบางทีไปโดนคนอื่น แล้วคนอื่นจะโอเคกับเงาเราไหม หรือว่าเขารำคาญเงาเรา แต่ที่แน่ๆ คงไม่มีใครชอบให้เงาคนอื่นมาทับเงาตัวเองเป็นแน่ มันจะเป็นปัญหาไหม หรือว่าจริงๆ...