ปกติแล้วพอคิดถึงการลงทุน อันดับต้นๆก็คงมี ลงทุนในหุ้น กองทุนรวม ลงทุนในทอง ลงทุนในประกันชีวิต ลงทุนในคอนโดมาให้เช่า แต่การลงทุนจำพวกนี้ก็มีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกันไป และแต่ละสินทรัพย์ก็มีแตกแขนงแยกย่อยลงไปอีก เช่น หุ้นบลูชิบ หุ้นผลตอบแทน หุ้นปั่น แต่สำหรับผมคือการลงเงินหรือแรงไปแล้วได้ผลลัพธ์ตอบแทนกลับมา ซึ่งไม่ว่าลงทุนอะไรก็ได้ ไม่จำกัดอยู่แค่ในตลาดหลักทรัพย์ตามที่สื่อต่างๆโฆษณาให้ฟังอยู่ทุกวัน
การลงทุนทางเลือกหรือ Alternative Investments หมายถึงการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น ที่นอกเหนือไปจากสินทรัพย์พื้นฐานหรือที่เป็นประเพณีนิยมของการลงทุน (Traditional Assets) ไม่ว่าจะเป็นหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนที่ผู้ออกมีถิ่นฐานในประเทศไทย เป็นต้น
สินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เหล่านี้เรียกว่า สินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Assets) ซึ่งสามารถแบ่งประเภทย่อยได้ดังนี้
- การลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investments) ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตราสารทุนหรือตราสารหนี้ ทั้งในตลาดโลกหรือเฉพาะเจาะจงในกลุ่มประเทศ ซึ่งทำให้มีผลตอบแทนและความเสี่ยงสองด้านคือภาวะตลาดทุนในต่างประเทศ และการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน
- อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) เช่น ที่ดินเปล่า บ้านให้เช่า คอนโดมิเนียม หรือหน่วยลงทุนที่ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ให้ผลตอบแทนในรูปส่วนต่างราคา ค่าเช่า ภาษี หรือเงินปันผล แต่ผู้ลงทุนต้องตระหนักถึงความเสี่ยงเรื่องสัญญา กฎหมาย และสภาพคล่อง
- สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) เช่น ทองคำ น้ำมัน สินค้าเกษตร จะมีการเคลื่อนไหวของราคาตามอุปสงค์อุปทานในตลาดโลก และนั่นหมายความว่าผู้ลงทุนจะรับความเสี่ยงอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศหลักๆ ในโลกเช่นกัน
- ของสะสม (Collectibles) เช่น วัตถุโบราณ ภาพเขียน เหรียญ แสตมป์ และอื่นๆ จะให้ผลตอบแทนในรูปของส่วนต่างราคาซึ่งอาจจะสูงมาก และยังทำให้เกิดความพึงพอใจต่อผู้เป็นเจ้าของอีกด้วย แต่ความเสี่ยงที่สำคัญมาจากการขาดมูลค่าที่แท้จริงเพื่อใช้ตัดสินใจลงทุน เนื่องจากราคาซื้อขายสินค้าเหล่านี้จะสูงหรือต่ำนั้นขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล อีกทั้งยังขาดสถาบันที่เป็นกลางในการประเมินราคา
- การลงทุนที่มีความซับซ้อน เช่น หน่วยลงทุนของกองทุนประเภทเฮดจ์ฟันด์ (สำหรับผู้ลงทุนนอกประเทศไทย) และ Private Equity เป็นต้น ให้ผลตอบแทนในระดับที่ค่อนข้างสูงแม้ในภาวะตลาดถดถอย และสามารถเลือกสไตล์การลงทุนที่ต้องการได้ แต่ก็มีความเสี่ยงสูงมากในเรื่องกฎระเบียบที่จะมาใช้ควบคุมกองทุน ความโปร่งในของการเปิดเผยข้อมูล ค่าธรรมเนียมแพง และมีสภาพคล่องต่ำ
การลงทุนนั้น มันก็ต้องอาศัยความตั้งใจ ประสพการณ์ ของพวกนี้ เร่งไม่ได้ ซื้อไม่ได้ เร่งเร็ว ถ้าโชคไม่ดีก็หมดเร็ว ต้นไม้ปลูกไว้มันก็มีเวลาโตของมัน จะเร่งได้บ้างก็หมั่นดูแลใส่ปุ๋ยรดน้ำ มันก็โตเร็วกว่าพวกที่ปล่อยปะละเลย แต่ไม่มี ประเภทปลูกวันนี้ พรุ่งนี้โตเลยเก็บเกี่ยวดอกผลได้นิรันดิ์ บางสิ่งให้ผลตอบแทนที่มาพร้อมความเสี่ยงสูง ปัจจัยสำคัญคือเวลา เช่นงานศิลปะ พอผู้วาดตาม สินทรัพย์นั้นจะกลายเป็นจำนวนจำกัดพอดี ไม่สามารถมีเพิ่มได้อีก ในเรื่องของอุปสงค์เท่าเดิม แต่อุปทานมากขึ้น ราคาจึงสูงขึ้นตามคนที่มีความต้องการ
ปัจุบัน ก็มีกระแสลงทุน ที่ให้ผลตอบแทนสูงแต่ไม่มีกฎหมายมารองรับ และมีความคล้ายกับแชร์ลูกโซ่ คือลงเงินก้อนหนึ่งแล้วให้ผุ้ลงทุนหาคนมาลงทุนเพิ่มต่อเป็นหางต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งก็เอาเงินของผู้ลงทุนรายต่อๆไปมาเป็นผลตอบแทนให้พวกที่ลงทุนก่อนหน้า ซึ่งถ้าหากขาดตอน หรือการแพร่กระจายของการหารายได้ไม่ทัน ก็จะเกิดอาการแชร์ล้ม เจ้ามือหนีหาย คนเจ๊งเพียบ คนที่หวังอะไรเกินความจริง แรกๆอาจจะได้ผลตอบแทนดอกเบี้ยสูง แต่หารู้ไม่ว่าเจ้าเอาต้นเราไปหมุนจ่ายอยู่ ก็ต้องระวังอย่าโง่
ส่วนการลงทุนที่สำคัญที่สุด คือ ลงทุนกับ
1 ความสุข มีเงินไปทำไมถ้าไม่มีความสุข ถ้ามีเงินแล้วซื้อความสุข ถือว่าใช้เป็น แต่ถ้ามีแล้วไม่มีความสุขถือว่าเป็นทาสเงิน
2 สุขภาพ มีเงินเท่าไรก็ซื้อไม่ได้ ถ้าไม่พยายามออกกำลังกายเอง การใช้เงินมาเป็นส่วนร่วมหรือส่วนเร่งก็พอเป็นไปได้ แต่มาซื้อเลยไม่ได้แน่ๆ
3 ครอบครัว ถือว่าเป็นกำลังใจ แม้ยามทุกข์ และยามสุข พ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามา เลือดย่อมข้นกว่าสิ่งใดๆ
4 คนที่เรารัก มันคงไม่มีค่าอะไรถ้าเราประสพความสำเร็จแล้วเราก็ไม่มีคนแบ่งปัน
5 ความรู้ ความรู้เป็นสิ่งที่ต้องแลกมาด้วยความมานะพยายาม บางครั้งก็ต้องเสียเงิน เพื่อจะเรียนรู้ ย่อมหัดเสียเพื่อจะได้ไว้
RIZลงทุนทางเลือก