หลุมพรางของความเคยสำเร็จ

เป็นไหมครับ เวลาจะทำอะไร เราก็มักเทียบกับอดีตเก่าๆของเรา ว่าสิ่งที่เราเคยทำได้ เพราะอย่างนั้นอย่างนี้ ตอนนี้เราก็เลยคิดว่า มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้าให้ทำจริงๆ จะทำได้หรือเปล่าครับ ไม่รู้เลย ได้หรืออาจจะไม่ นับวันยิ่งน่ากลัวครับ เหมือนกับว่า ตื่นมาแล้วเราตกยุคตกรุ่นไปแล้ว แต่เราไม่ยอมใช่ไหมครับ เราก็พยายามอัพเดทกัน เพื่อให้อยู่ทันยุคเท่านั้นเอง มีอะไรใหม่ๆ เราก็ต้องฝึกครับ แต่มันก็มีอะไรใหม่ๆออกมาบ่อยจัง เอาว่ามือถือ แป๊บๆ ออกรุ่นใหม่ให้เรา migrate กันอีกแล้ว...

โอกาสท่ามกลางวิกฤต

เป็นเรื่องที่คุยสนุกไม่เคยเบื่อเลยครับ เพราะปัญหาเล็กปัญหาใหญ่มันก็เกิดตลอด พอเกิดมาแล้ว บางคนก็ล้มตาย บางคนก็เติบโตอย่างรวดเร็ว มันขึ้นอยู่กับ มุมมองและความสามารถของแต่ละคน ถ้าเรามีความเชื่อว่าเราเสียอะไรไป แล้วจะได้อะไรกลับมา เพียงแต่ต้องมองว่า ที่ได้กลับมาคืออะไร ยกตัวอย่างตกงาน เราก็จะได้เวลา ซึ่งเราก็เอาเวลาที่เรามีไปทำอะไร ไม่ใข่จมอยู่กับวิกฤต แต่ให้มองหาโอกาส มันง่ายกว่ามองในเวลาทั่วๆไปอีก เชื่อมั่นในตัวเอง RIZcresis

เมื่อพูดถึงความถูกต้อง พูดแทบตายเอาถูกใจอยู่ดี

จริงๆ ความถูกต้องย่อมมีมาตราฐานของมัน จะเอาตามอำเภอใจไม่ได้ ถูกคือถูก ผิดคือผิด แต่ถ้าเราคุยกับลูกค้า เมื่อเราพูดถึงความถูกต้อง เราต้องสำเนียกเรื่องถูกใจไว้เลยครับ เพราะถ้าเขาเอ่ยว่าความถูกต้อง จัดไปเลยตามนั้น ไม่ต้องเอาเรื่องถูกผิดเข้ามา อวยๆ ตามไปเลย เพราะไม่งั้นก็เหมือนไปเถียงลูกค้าไปเปล่าๆ ค้าขาย มันก็ต้องยืดหยุ่น ยอมได้ก็ยอมไป เพราะไม่งั้น คุยถูกต้องแทบตาย เขาก็ไม่ซื้ออยู่ดี RIZrightmind

ถ้ารู้เฉยๆไม่ต้องรู้มันหรอก

การที่เกิดปัญหาขึ้นแล้ว เราพยายามคนหาปัญหากับต้นเหตุของปัญหาเพื่อแก้ไขนั้น เป็นสิ่งที่ดี เพราะเราจะได้ไม่ผิดซ้ำหรือรู้ว่าจะต้องหลบเลี่ยงหรือจะแก้ไขอย่างไร แต่ถ้ารู้เพื่อได้รู้ เช่นเพราะทำไมแล้วเราก็ไม่ได้คิดแก้ไข หรือจะทำอะไรสักอย่าง มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะรู้ แต่โดยปกติคนเรามันชอบสอดรู้อยู่แล้ว และบ่อยครั้งที่รู้ รู้ความจริง มันทำให้เราแย่กว่าเก่าอีก แต่มันก็อดใจไม่ได้ มันต้องฝึกอดใจนะ ถ้ารู้แล้วไม่ได้ช่วยอะไร หรือไม่เกิดอะไร ไม่มีประโยชน์ ก็ไม่จำเป็นต้องพยายามหรือเสือกไปรู้เลย หาเรื่องใส่ตัวเพิ่มไปเปล่าๆ เว้นแต่มันให้รู้เองก็โอเค อันนี้ก็ต้องตามน้ำไป RIZknow

เอาจริงๆแล้ว ทำธุรกิจ คือ ต้องมีกำไร

ตอนทำธุรกิจ เวลาบอก positioning ว่าเราเป็นใคร ก็บอกไปเถอะครับ จะขายอะไร ทำอะไร หรืออะไรก็ว่าไปเลยครับ อันนั้นคือไว้บอกคนอื่น ให้เขารู้ว่าเราทำอะไร จะทำสื่อ ซื้อมาขายไป หรืออื่นๆก็ตาม แต่ที่สำคัญหัวใจของมันคือ ทำแล้วต้องมีกำไร ลงเงินกันแล้ว ต้องทำให้มันงอกเงย เพิ่มพูน เพราะจะอยู่ให้ได้ ต้องมีกำไร ไม่เป็นไรถ้า ก่อนที่จะกำไร มันต้องลงทุน หรือขาดทุนบ้าง แต่ถ้าทำแล้วไม่มีกำไร...

นอกจากหนังสือ จะรู้ก็ต้องคุย

จะเป็นหนอนหนังสือ เราก็จะรู้ความรู้จากคนเขียน มันดีนะครับ เพราะเราอ่านตอนไหน เราก็จะได้มีความรู้เพิ่มพูน แต่จะมุ่งมั่นอ่านอย่างเดียวก็ไม่ได้ เราต้องมีปฎิสัมพันธ์กับคนด้วย เพื่อให้ได้รู้ว่าเขาคิดอะไร อยากรู้เรื่องอะไร ก็ไปถึงแหล่ง หรือไปคุยกับคนรู้ มันก็ช่วยย่นเวลาเราอ่านหนังสือ เพราะเรียนรู้ ไม่ได้อยู่ที่การเรียนการสอนหรือเพียงตำรา คุยไปเรื่อย ถ้าเราไม่เพ้อเจ้อ เราก็ได้ประโยชน์ RIZtalk

ถ้าอยู่ไปก็แพ้ ก็ต้องเลิกสิ

ถ้าอยู่ไปก็แพ้ ทำอะไรไม่สำเร็จ ต้องแยกให้ออกว่าไม่รอดจริงๆ ไม่เหมาะกับเราจริงๆ อย่าพึ่งถอยนะครับ อย่าพึ่ง เราต้องพยายามก่อน เอาจนสุดก่อนนะ สู้ก่อน ไม่งั้นเลยไม่รู้ว่าเราทำไม่สำเร็จจริงๆ แต่ถ้าตั้งใจแล้ว พยายามแล้ว แล้วมันไม่ได้จริงๆ ต้องยอมแล้วครับ อย่าโง่ มันถึงจุดต้องเลิก ก็ต้องเลิก อย่าเสียใจ อย่าเสียเวลา เราไม่ได้ชนะ เพราะนั่นคือเป้าหมายเรา แต่เราได้เรียนรู้ แล้วแก้ไขรอบหน้า รอบนี้ผ่านไปก่อนนะ RIZquit

มองคนเก่ง มองคนไม่เก่ง ก็ได้ประโยชน์

เราจะเดินตามคน ไม่จำเป็นต้องเดินตามแต่คนเก่ง จะเดินตามแต่คนเก่งทำไม จะทำอะไรถูกแต่อย่างเดียวทำไม ในเมื่อมันเรียนรู้เพียงด้านเดียว การที่เห็นอะไรด้านเดียว หากเกิดอะไรขึ้นจะแก้ไขปัญหาไม่ได้ เพราะเรารู้จักถูก แต่เราไม่รู้อะไรที่ผิดๆ หากเจออะไรผิดๆ เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้างั้น การมองคนไม่เก่ง มันก็จะได้เรียนรู้เหมือนกัน เรียนที่ผิด แล้วไม่ใช่เดินตามความผิด แต่เรารู้ให้ระวัง ระวัง ระวัง RIZlook

มีล้านวิธีที่ถูก และมีล้านวิธีที่ผิด

ถูกหรือผิด ไม่ได้มีทางเดินทางเดียว มันมีได้หลายทางที่เราจะพลิกแพลงตามหน้างาน คนที่มีประสพการณ์ เขาก็แนะนำในสิ่งที่เขารู้ มันก็เป็นทางหนึ่งที่เคยทำได้ แต่ผมไม่มั่นใจว่าตอนนี้ยังจะได้อยู่ไหม ถ้าจะเดินตามทางนั้น หรือว่าทำแตกต่าง มันก็ไม่ผิด เราไม่รู้จนกว่าจะผ่านไป อย่าพึ่งไปยึดติดกับอะไรสักอย่าง เพราะถ้ามันถูก มันก็เรียกว่าเคยถูก เราไม่รู้ว่าจะถูกอีกหรือไม่ แต่เรารู้ว่าเราต้องทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าทางใดก็ตามที่ให้มันถูก สำหรับผิดนั้น ต่อให้เราทำสิ่งที่เคยถูก มันก็อาจจะผิดแหละ เราไม่รู้จนกว่าจะรู้ RIZmillionway

งานเปลี่ยนต้องปรับ

งานเปลี่ยนต้องปรับเป็นสัจธรรม ที่ทุกคนต้องเข้าใจ ทุกอย่างมีเวลากาลของมัน วันนึงมันอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสนใจ และอีกวันมันอาจจะเป็นสิ่งที่คนขาดมันไม่ได้ แล้วมันก็ย้อนกลับสู่สิ่งที่ไม่มีคนสนใจ เป็นวงจรชีวิต หน้าที่รับผิดชอบหลักๆแล้วคงไม่ได้เปลี่ยน เพราะความรับผิดชอบมันเป็นองค์รวม แต่เนื้อหางาน และวิธีการทำงานต้องเปลี่ยนแน่ๆ ยิ่งเทคโนโลยีเข้ามา ยิ่งสิ่งต่างๆมีผลกระทบกันคน คนที่ทำงานด้วยกระดาษแม้ว่าเก่งแค่ไหน เมื่อสู่ยุคไร้กระดาษ แล้วเราเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ ก็ไม่รอด และมันรวดเร็วจนถ้าเราไม่ปรับ เราตกยุคก่อน และถ้าเราเป็นลูกจ้าง ก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีความจำเป็นที่บริษัทต้องเก็บไว้ในเวลาปัจุบัน ถึงแม้ว่าเราจะเคยโดดเด่นและทำดีมาแล้วก็ตาม เพราะงานต้องทำ ใข้ได้ ไม่ใช่เคยทำได้แล้วทำไม่ได้แล้ว...