the path in success is never go to straight line

ทางเดินแห่งความสำเร็จ มันไม่ได้เป็นเส้นตรงเลยนะครับ เวลาอ่านหนังสือ ทุกคนที่อธิบาย เหมือนง่าย มีจังหวะ มีขั้นตอน แถมแผนภาพเสร็จสรรพ โอ้ย ตอนทำจริง โน่นนี่นั่นปัญหาเข้ามาร้อยแปดอย่าง ไม่เหมือนกับในหนังสือบอก คนที่เป็นโค๊ช ก็พูดไป ง่ายๆ ให้กำลังใจ ไม่เห็นมาทำเอง แล้วไม่มีอุปสรรคบ้าง มันเป็นเช่นไร มันลำบากขนาดไหน ของจริง มันยิ่งกว่านิยาย หรือหนังสือเขียน จะเขียนเส้นตรงจากความสำเร็จไม่มี เพราะ...

บางครั้ง ศัตรูคือเพื่อน หากช่วยให้เราชนะ

ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร เพราะบางทีเพื่อนรักมันก็มีหักเหลี่ยมโหด บางทีคนใกล้ตัว มันก็ไม่ใช่จะดีกับเราทุกครั้ง อาจจะมีบ้างที่แทงข้างหลัง หรืออาจจะฟันเราต่อหน้ากันตาใสๆก็มี แต่ มันเป็นเรื่องที่ให้เข้าใจในสัจธรรม คนดีไม่ดี มันไม่ใช่ดีทั้งหมดและตลอด เวลาเราทำดี ก็ไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนดี แต่สิ่งดีๆนั้นมันจะเป็นภาพประทับใจคนที่เห็น แล้วเอาอนุมานไปเองก็ได้ เราควรระวังตัวเรา ไม่เพียงแต่ที่เราทำอะไรแล้วมีกระทบคนอื่น เพราะเราคิดว่าดีแล้ว แต่มันเป็นมุมมองของเรา เช่นเดียวกับการมองคนที่คิดร้ายต่อเรา หรือเป็นศัตรูต่อเรา เข้าก็ไม่ใช่เป็นคนร้ายเสมอไป อาจจะร้ายกับเรา แต่เขาอาจจะเป็นฮีโร่ที่บ้านเขาก็ได้ ในบางครั้ง คนที่คิดร้ายกับเราแล้วมาช่วยเหลือเรา...

ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ เรารู้เอง

อะไรใครว่าดี ก็ต้องฉลาดลอง ยิ่งเรื่องมองไม่เป็น มันย่อมเป็นอะไรที่ปัจเจกมากๆ ความเชื่อนี่ยิ่งไปกันใหญ่ ประสพการณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าบอกต่อเล่าต่อกันมา จะเชื่อมันก็คงไม่ใช่ หากเราเชื่อเรื่องกาลมสูตร เราย่อมควรต้องคิดก่อนเชื่อ มันเป็นเรื่องของประสพการณ์ มันเป็นเรื่องของศรัทธา มันเป็นส่วนผสมที่ต้องมีไม่เหมือนกัน และไม่เท่ากันทุกครั้ง ไม่มีอะไรเป็นสูตรตายตัว หากเราเข้าถึงความลื่นไหล และการเป็นคนช่างสังเกตุแล้วนั้น ใช่แล้วครับ เราสามารถตัดสินใจเองได้ ถึงแม้คนอื่นไม่เชื่อ เราก็ต้องยืนว่า มันไม่ใช่เป็นสิ่งที่ใครๆต้องเชื่อเหมือนเรา และสิ่งที่เขาเชื่อ มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องเชื่อตาม จนกว่า...

เพื่อนคือเพื่อน แต่เพื่อนที่ไม่สนใจเรา เราก็ไม่ต้องไปสนใจเขา

เสียกันไปเท่าไหร่แล้วสำหรับการให้คุณค่าที่ไร้ประโยชน์ หากเรายึดติดกับอะไรบางอย่างมากเกินไป เราจะทำมันไปโดยไม่มีคุณค่ามากขึ้นเท่านั้น ชีวิตมันไม่ได้อาศัยคำว่าปริมาณเป็นสำคัญ การมีเพื่อนเยอะแยะ ไม่ได้บ่งบอกว่า จะช่วยเราได้ในยามยาก ดีไม่ดี จะเป็นการทำร้ายทั้งจิตใจรวมถึงเวลาของเรา คำว่าเพื่อนมันแปลว่ายอมกันได้ คำว่าเพื่อน ไม่ใช่คำที่ให้ใครมาเอาเปรียบ เพื่อนที่ดี ย่อมยอมกันบ้าง ถ้ามีเท่าไรก็ให้กันได้ แต่ไม่ใช่เอาเปรียบกัน แม้เป็นการทำเพื่อให้กัน แต่ลักษณะและความหมายมันต่างกันมาก แม้บางมุมมองเป็นมุม ผู้ให้ กับ ผู้รับ แต่เจตนาที่ไม่เหมือนกัน ย่อมให้เหตุผลที่ไม่เหมือนกัน หากเจอคนไม่ดี...

งานที่กำไร ต้องไม่ขาดทุนชีวิต

บางทีทำงานหนักได้เงิน แต่แลกกับชีวิตที่เสื่อมลง คุ้มไหม กับการที่ต้องหาเงินมากๆ แล้วต้องเอามาจ่ายค่าพยาบาล คุ้มไหมกับการที่ต้องหาเงินมากๆ แต่ความสัมพันธ์รอบข้างต้องเสียไป การทำงานอย่างหนัก เพราะต้องการถีบตนขึ้นมาจากผู้ไม่มี ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่เมื่อทำไปแล้ว เรามีเรื่องอีกหลายเรื่องที่ต้องนึกถึง เรื่องครอบครัว เรื่องสุขภาพ ถึงแม้คนที่มีเงินแล้ว จะให้ความใส่ใจ กับสิ่งพวกนี้ เพราะรู้ว่าเงินซื้อไม่ได้ แต่ผู้ที่ยังไม่มี ก็ยังคงดิ้นรนค้นหาวิธีอยู่ หากเราเดินเริ่มต้นด้วยการมีทั้งสามอย่างไปด้วยกัน ทั้งเงินทอง สุขภาพ และความสัมพันธ์ มันก็คงมีความสุขกว่ามีอะไรแค่อย่างๆเดียว...

้how do we know, it is the best

เราจะรู้ได้อย่างไร ว่า สิ่งนี้ดีที่สุดที่เป็นที่สุดอมตนิรันดิ์กาลจริงๆ เราไม่รู้หรอก แต่ทุกคนก็อยากได้อะไรที่ดีที่สุด ดีกว่าชาวบ้าน ดีกว่าคนอื่น ตะเกียกตะกายค้นหา สิ่งที่ดีที่สุด โดยคำบอกเล่าของคนอื่น โดยสิ่งที่มองเห็นจากที่คนอื่นมี สิ่งที่มันหาได้ยาก แล้วมันดีที่สุด…สำหรับเราจริงหรือ ถ้าเราเห็นคนอื่น มันก็อาจจะเป็นความชอบของเขา สิ่งที่ดีของเขา ที่เขาชอบ อาจจะไม่เหมาะสำหรับเรา เราจะมีแล้วเราจะมีความสุขเหมือนเขาไหม การพยายามเหมือนคนอื่น มันก็อาจจะเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เราก้าวไปข้างหน้า แต่ไปทางเดียวกับคนอื่น แต่เมื่อไปแล้วเราก็ควร หาทางของเราเอง เราต้องบอกตัวเองได้ว่าเราชอบหรือไม่...

คือการทำทุกอย่าง มันก็ไม่มีความสุขทั้งนั้นนะ

ใครๆก็บอกว่า ให้ทำอะไรที่มีความสุข แต่เราก็ไม่ได้สามารถทำทุกอย่างให้เป็นความสุขได้ คนทั่วๆไป มันก็มีทุกข์บ้างสุขบ้างกันไป ครั้นจะทำแต่เรื่องที่ไม่มีความสุขเลย เดี๋ยวจะบ้าตายไปก่อน และครั้งจะทำแต่สุขอย่างเดียว เดี๋ยวก็ไม่มีกินพอดี เพราะคนเราไม่ได้โชคดีทุกคน เราต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องปกติ ที่ ทำอะไร มันก็ต้องมีได้มีเสีย มีทุกข์บ้างสุขบ้างปนเปกันไป มันมีแลกเปลี่ยนกัน มันเป็นสมดุลย์ของชีวิต บางที ทำสิ่งที่เป็นความสุขแล้วอาจจะไม่ได้เงิน แต่เราก็จะทำเพราะมีความสุข แต่ถ้าเราไม่มีเงินเลย เราจะกินอยู่อย่างไร เราก็ต้องทำอะไรที่จำเป็นด้วย เพื่อการดำรงชีวิต มันก็ต้องมีบ้าง...

ถ้าเราเอาของเก่าๆ มาใส่ไว้มากๆ จะไม่มีช่องว่างให้ของใหม่มาอยู่ได้

คุยบางคนมันก็เหมือนน้ำเต็มแก้ว ถึงอยากใส่ก็ไม่มีที่ใส่ และก็ไม่ยอมทิ้งของเก่า มันก็เหมือนกับคนไม่ได้ปรับตัว ทำอะไรก็ทำแบบเดิมๆไปเรื่อยๆ รู้ว่าแย่ และก็ไม่ยอมพัฒนา โทษโน่นนี่นั่นไปเรื่อย จริงๆของเก่ามันดีนะ แต่ถ้าเอามาใช้มันทั้งหมดแบบเดิมๆ เงื่อนไขมันเปลี่ยนไปไกลแล้ว และถ้าเปลี่ยนใหม่หมด มันก็ขาดกลิ่นอาย ขาดสิ่งที่่เราได้เรียนรู้จากประสพการณ์จริงๆที่ผ่านมา มันอยู่ที่ว่าต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงอย่างไร มันไม่ได้เหนื่อยหรอก มันแค่ก้าวไปข้างหน้า วันๆผ่านไป มันก็มีอะไรใหม่ๆ แต่ถ้าวันๆ เราคิดถึงแต่อดีต ที่ดีงาม หรือที่ทำผ่านๆมา มันจะเหลือที่ว่างตรงไหนไว้เรียนรู้ ทัศนคติมันก็บ่งบอก...

เก่งไม่เก่งไม่รู้ ถ้านิสัยดี ต้องมี 3อย่าง

ถึงสังคมเราจะบูชาคนเก่ง แต่ถ้าเก่งแล้วทำอะไรไม่เป็นมันก็ไม่มีค่า จะยึดถือ ยศถาบรรดาศักดิ์อย่างไร จะมี ตำแหน่งสูงเช่นไร จะเรียนมาสูงแค่ไหน ท้ายแล้วทำอะไรไม่เป็นก็ไร้ค่า คนดีๆอาจจะไม่ใช่คนเก่ง แต่ท้ายที่สุดแล้ว อาจจะเก่งก็ได้ เพราะคนดีควรมี 1 ความซื่อ ความไม่มีเล่ห์เหลี่ยม มีความเป็นมิตรกับคนทั้งหลาย มีความอ่อนน้อมถ่อมตน 2 ความสัตย์ ความจริงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าพูดอะไรก็ดำรงตนแม้ว่าจะดีไม่ดี แต่เมื่อปฎิบัติแต่ความจริง มันจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง 3 ความเพียร...

อย่าปล่อยให้เด็กแก่แดด

ใครๆก็อยากให้ลูกตัวเองเก่ง อยากให้มีพัฒนาการมากกว่าคนอื่น จริงๆ คืออยากให้ ฉลาดกว่า แข็งแรงกว่า แต่ตัวที่มันอาจจะต้องแลกกันคืออารมณ์ดี บางบ้าน มักจะให้เด็กไปเรียนพิเศษเพิ่มเติม เพื่อเสริมในเรื่องต่างๆ จัดตารางเวลาเรียนจนแน่น ยิ่งกว่า เวลาทำงาน ทุกอย่างเป็นระเบียบ เพราะอยากให้ลูกเป็นยอดคน ไม่ได้ถามว่าลูกต้องการอะไร เพราะคิดว่าเด็กยังคิดไม่ได้ ยังไม่เคยผ่าน ยังไม่รู้อะไรควรอะไรไม่ควร ทั้งๆที่โตๆมา เรารู้ว่า ถ้าเราทำอะไรที่ชอบ มักทำได้ดี แต่เดี๋ยวนี้ เปิดรายการอะไร...