คาถารวยไม่รู้ตัว

มีน้อยใช้น้อย มีมากใช้น้อย มีหนี้ใช้หนี้ ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ทรัพย์สินจะเพิ่มพูนไม่รู้ตัว เพราะการมีน้อย ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอะไรเกินตัว แม้จะมีสิ่งยั่วใจให้เป็นหนี้เยอะแยะ ก็ต้องอดทน ทำอะไรต้องประมาณ อย่าคิดถึงการซื้อความสุขให้ตัวเองบ้าง แล้วทำเกินตัวและเป็นหนี้ มีมากใช้น้อย เพราะ การมีมาก ก็ไม่หมายถึงเราสมควรใช้มากได้ ถึงแม้ว่าเราจะหาได้ แต่ถ้าใช้สมเท่าที่หา มันก็จะหมดไปอยู่ดี หากชีวิตเดินด้วยความสมถะ ก็จะไม่มีวันอับจน มีหนี้ย่อมต้องใช้หนี้ ใช้มากใช้น้อยก็ต้องใช้ ตอนใช้หนี้ต้องดูความเหมาะสมและความไหวของตัวเอง การก่อหนี้ย่อมต้องเป็นเรื่องจำเป็น...

อยากชนะ อย่างยืดติด

ใครๆ ก็อยากชนะ มีใครบ้างละไม่อยากชนะ แต่ชนะนั้นไม่ใช่ว่าทุกคนทำได้ ถ้าเราตั้งเงื่อนไขยิ่งมาก โอกาสก็ยิ่งแคบ บางทีเราตั้งเงื่อนไขที่ย้อนแย้ง จนไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ เช่นจะเอาให้ได้ อย่างโน้นนี้ และต้องได้ทุกอย่าง เล็งผลเลิศ ไม่ใช่แค่ชนะเฉยๆ จะเอาชนะเลิศ ดีที่สุด มันยากไปไหม เหมือนบีบคอตัวเอง ไว้ไม่ได้ดีที่สุด ก็ไม่เอา เพราะแบบนี้ คนเราก็เลยไม่ได้ และไม่ใช่อยากได้อย่างเดียว เราไม่ยอมเสียด้วย การลงทุน มีความเสี่ยง...

การลอกเลียนแบบความสำเร็จ ไม่ใช่การทำซ้ำ

ทุกคนล้วนมีไอดอลในเรื่องต่างๆ อยากจะรวย ก็ย่อมมีไอดอล เป็นนักธุรกิจชื่อดัง คนโน้นคนนี้ ถึงบางที นั่งซื้อหนังสือ หาประวัติ อ่านเพื่อที่จะได้รู้จักว่าเขาทำยังไงถึงก้าวมาถึงจุดนี้ ดี และไม่ผิด ผมว่านะ แต่คนส่วนใหญ่ เป็นได้แค่ ผู้เสพความสำเร็จของคนอื่น ถึงแม้เขาพยายามที่จะฝึกตัวพยายามให้ตนเก่ง การยึดความสำเร็จของคนมาเป็นตัวตั้งนั้นเมื่อมาทำซ้ำอาจจะสำเร็จหรือไม่ก็ตอบไม่ได้ แต่อาจจะนำไปสู้ความชิบหาย ของพวกนี้ ลอกกันเป๊ะๆไม่ได้ มันเฉพาะตัว มันต่างเงื่อนไข ต่างสถานที่ ต่างเวลา แต่เราเอาความผิดพลาดของเขามาเรียนรู้ได้...

รู้ว่าจะชนะเพราะอะไร รู้ว่าแพ้เพราะอะไร ถึงควร

ขึ้นชื่อว่าโอกาส มีมันก็ดีกว่าไม่มี แต่บางคนมีโอกาสมาก ก็ย่อมดีกว่า คนมีโอกาสน้อย แต่สำหรับปัญหาคนที่มีโอกาสมาก คือไม่รู้จะเลือกโอกาสยังไง เพราะอะไรๆเข้ามา มันก็ดีไปหมด อันโน้นกว่าอยาก อันนี้ก็ดี อันนั้นก็น่าสนุก โอ้ยยยยยยย แต่เมื่อเรามีโอกาสแล้ว เราก็ต้องหัดกรองโอกาส ใช้เวลาสักหน่อยที่หาข้อมูล แล้ววิเคราะห์มัน เมื่อมันมา เราก็ต้องตั้งใจกับมันหน่อย เราต้องเชื่อว่า ชีวิตไม่มีฟลุ๊ก แล้วรู้มันว่า คืออะไร หลับตาสักนิด เห็นอนาคตของเรากับโอกาสนี้หรือไม่...

ความศิลป์ มันขายได้

ของถูกเหรอ เต็มตลาด และมันเป็นของโหล ไปที่ไหนก็เจอ เห็นที่ไหนๆก็มีเต็มไปหมด ของแพงเหรอ มันกลับกลายเป็นการแบ่งชนชั้นทางสังคม ง่ายๆคือ ระหว่างคนมีตังซื้อ กับคนไม่มีตังซื้อ แต่เราก็ไม่อยากได้ของถูก และก็ไม่มีปัญญาซื้อของแพง เราก็ต้องซื้อของแปลกกันหน่อยละ ของพวกนี้ แล้วแต่เราจะมองเห็นคุณค่า นิดๆหน่อยๆ บิดไปบิดมา มันก็กลายเป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความงดงามหรือที่เราดูไม่รู้เรื่องนั้น มันก็ร้อยเรียงด้วยเรื่องราวของมัน ทำให้มันมีค่ามากกว่าเงินที่เราจ่าย ความเป็นศิลป์นั้น บ่งบอกรสนิยม เพราะมันไม่โหล และมีเรื่องเล่า...

วงจรอุบาทว์ในการค้าที่ไร้หัว

ปกติแล้วหากอะไรเป็นกระแส คนก็จะแห่ตาม เมื่อตามจนเฝอถึงระดับหนึ่ง คนก็จะเลิกรากันไป ยกตัวอย่าง ปากซอยบ้าน มีร้านขายข้าวมันไก่อร่อยมาก มีคนกินเต็มร้านล้นจนยืนรอออกมานอกร้านต่อคิวยาว พ่อค้าหัวใส ก็เลยเปิดร้านขายข้าวมันไก่ ขึ้นถัดจากร้านแรก ปรากฎว่า ก็ขายดีเหมือนกันร้านแรก พอพ่อค้าคนอื่นมาเห็น ก็เห็นว่า ถ้าเปิดข้าวมันไก่แถวนี้ต้องขายดีเหมือนร้านแรก ก็เลยแห่มาเปิด ถนนทั้งสายมีเป็นสิบกว่าร้าน พอเปิดเป็นสิบกว่าร้านนั้น คนก็ยังชอบกินร้านแรกเป็นหลักอยู่ ร้านหลังๆ ก็ขายไม่ออกเงียบเหงากันไป ตอนนี้ร้านหลังๆ ก็เลยจุดสงครามราคาลดแลกแจกแถม มันก็ทำให้คนแห่มากินร้านที่ลดราคา...

หาpatternคนซื้อ เพื่อปรับปรุงการขาย

ทุกวันนี้ เหนือกว่าการขายโดยใช้เทคนิค ต้องมีข้อมูลมาสนับสนุน การเป็นเซลระดับเทพ พูดแล้วเชื่อ พูดแล้วหลงไหล ก็ขายได้ แต่ถ้าจะขายในวงกว้างตลาดใหญ่ย่อมไม่ง่าย ฉนั้น การบันทึกรายละเอียดข้อมูลลูกค้า ตลอดจนการขาย ย่อมมีความสำคัญ สำหรับคนที่เก็บได้ละเอียดนั้น หากเรามีคำถามที่สงสัย สามารถตั้งเป็นโจทย์และ สามารถเอาข้อมูลดิบทั้งหลายที่เราเก็บไว้เป็นอย่างดีนั้น มาวิเคราะห์ และสร้างเป็นเงื่อนไขการขายที่ น่าจะโดนใจได้ และน่าจะได้มากกว่าสัญชาติญาณ เพราะการรู้เค้า รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ย่อมยังใช้ได้ การที่รู้เค้าโดยที่เราไม่ถามเค้าย่อมดีกว่าเรา...

เราต้องการ solution มาแก้ปัญหาชีวิตที่คิดไม่ออก

ทั้งๆที่ความรู้มันมากมายจนล้นไปหมด แต่เรากับจับสาระสำคัญได้น้อยลง ที่ๆที่มีอะไรมากมายที่เราทำได้มากกว่าคนสมัยก่อน แต่เรากับทำมันได้น้อยลง แต่ก่อนถ้าเราต้องการจะซื้ออะไร เราก็เดินตามไปทางหมวดหมู่ของสินค้า ค่อยๆ ไล่ซื้อทีละหมวด เพื่อรวมให้ครบในสิ่งที่เราจะทำ แต่วันนี้โลกหมุนเร็ว และเราตามไม่ทัน ที่สำคัญคิดไม่ออก สิ่งที่เราต้องการ คือ โซลูชั่น ในการแก้ปัญหาแบบนี้แบบองค์รวม ถ้าเราไปจ่ายกับข้าว ถ้าเราต้องการทำข้าวผัดกระเพรา เราไม่ต้องการ ไปจ่ายกับข้าวแต่ละจุด ทีละอย่างเพื่อมาผัดกระเพรา เราต้องเดินไปแถวขายข้าว ขายผัก ขายเนื้อ ขายซ๊อส...

ความสำเร็จต้องมีเพื่อน

เพื่อนเป็นส่วนสำคัญในชีวิต ไม่ว่าเพื่อนที่เรียนด้วยกันมา เพื่อนทางธุรกิจ เพื่อนร่วมที่ทำงาน เพื่อนทางสังคม สมาคมต่างๆ ล้วนย่อมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเราก้าวไปข้างหน้าได้เร็วยิ่งขึ้น แม้ว่าเราจะทำอะไรเองเป็นทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำมันทุกอย่าง และถ้าเราทำมันทุกอย่าง มันก็เมื่อไรจะเสร็จได้ คงใช้เวลามากตามจำนวนชั่วโมงที่ต้องทำ ความสำเร็จที่ยอดภูเขา แม้ว่าจะเป็นเรา แต่ก็เพราะการสนับสนุนจากคนรอบข้าง หากแม้นมีอุปสรรคบ้าง มันก็ต้องมีมิตร ที่มีไมตรีคอยช่วยเหลือเรา การทำสิ่งใดที่ปราศจากเพื่อนนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่เหงา ไร้คู่คิด มิตรช่วยตักเตือน ความโลภอาจจะทำให้คุณรวยได้ แต่ความโลภไม่สามารถทำให้เรารวยได้อย่างยั่งยืน การที่คิดไปเองว่าฉันเก่งและไม่ต้องการให้ใครช่วยเหลือ...

ความคาดหวัง ที่ไม่มีเป้าหมาย ไม่ต่างอะไรกับการคิดอะไรลอยๆ

คนเราต้องมีความคาดหวัง แต่ความคาดหวังนั้น เราต้องหลับตาแล้วเห็นมันด้วย เราถึงจะได้รู้ว่ามันเป็นอะไร และเมื่อรู้แล้ว เราก็ต้องหาทางไปให้ถึง ถ้าเรา เราเห็น ยอดเขาที่เราจะไปอีกยอดหนึ่ง แล้วเราไม่เห็นทาง เราก็ไม่รู้จะเดินไปยังไงใช่ไหม และ จะหวังรอให้มีใครมาตัดถนนให้เรา ก็คงมีใครไปถึงยอดเขานั้นก่อน หรือบางที อาจจะไม่มีใครมาตัดถนนให้เราเลยก็ได้ ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย อันนี้ก็ยิ่งแย่ใหญ่ จะรอให้ภูเขายอดนั้น เอียงมาหาก็ไม่มีทางเป็นไปได้ การจะถูกรางวัลที่หนึ่ง เราก็ต้องซื้อล๊อตตารี่ ถึงจะมีหวัง แต่ถ้าจะหวังถูกโดยไม่ซื้อ แล้วว่ามันจะได้เอง...