เมื่องานมันเครียด คิดไม่ออก ก็ทำอีกงาน

บางคนบอกว่าทำงานแล้วเครียด คิดไม่ออกก็ต้องไปพักผ่อน ผมเห็นด้วยนะครับ ว่าพักผ่อน แต่จะพักผ่อนอย่างไร กับอะไร บางคนไปเที่ยว ก็ดีครับ แต่บางคนหาอะไรทำอีกอย่าง เพื่อผ่อนคลายสิ่งที่ทำอยู่หลักๆ แม้ว่ารองๆ ก็เป็นเรื่องงานอีกงาน แต่มันก็ดึงความสนใจ ทำให้เพลินๆไปได้เหมือนกัน แม้คนอื่นจะบอกว่าทำงานอีกละ แต่มันก็อีกงาน เพื่อความผ่อนคลาย เราเองย่อมรู้เอง ไม่ต้องให้คนอื่นมารู้หรอกครับ เพราะเขาไม่เข้าใจ RIZanotherjob

ภาษากาย

การที่พูดโดยที่เราไม่พูดนั้น มันก็คือการแสดงออกทางท่าทาง บางที พูดอย่างแสดงอีกอย่าง คนเห็นก็เชื่อในภาษากายมากกว่า เช่น เรากินอาหารแล้วไม่อร่อย แต่เราบอกอร่อย แต่ร่างกายยี้มันออกมา คนเห็นก็รู้ได้ว่าเรารู้สึกอย่างไร แต่การที่ฝึกแสดงออกภาษากายให้ตามสิ่งที่เราพูดนั้น แรกๆก็ออกจากยากหน่อย แต่คำแนะนำของผมคือ แกล้งทำไปก่อน สักพักมันก็จะได้เอง ถ้าเราไม่ฝึก แม้จะขัดกับความรู้สึก แต่จะให้รู้สึกตลอดเวลามันก็ไม่ได้ แกล้งๆไป เก่งแล้วมันจะเนียนเอง คนดูไม่รู้ มีแต่เรารู้ว่าเราอยากบอกอะไร RIZbodylanguage

ทำมากกว่าคนอื่น ย่อมได้มากกว่าคนอื่น

การทำงานของคนที่จะประสพผลสำเร็จนั้น มันต้องผ่านช่วงหนึ่ง หรือฝึกจนเป็นนิสัย การที่เราทำงาน 8 ชม.เท่าคนอื่นนั้น เราก็จะไม่ได้แตกต่างจากเขา ถ้าเราทำเพิ่มมากกว่า 10% เราย่อมดีกว่า 10% ถ้าเราทำมากกว่า 50% ก็ย่อมดีกว่า 50% ถ้าเราทำมากกว่า 100% ก็ย่อมดีกว่า 100% ดีกว่าไม่ใช่รวยกว่า แต่มันอาจจะรวยกว่าก็ได้ มันเป็นการฝึกฝน เพื่อเกิดความชำนาญ มีทักษะเพิ่ม เพราะมันเป็นประสพการณ์...

การตรงต่อเวลา

มันเป็นเรื่องง่ายมากที่คนมักไม่ยอมทำ โดยเฉพาะสังคมบ้านเรา ผมเห็นคนประสพความสำเร็จ เป็นคนที่มาตรงต่อเวลา หรือมาก่อนเวลาเสมอ มันมีข้อดีหลายข้อนะครับการมาตรงต่อเวลา เพราะทำให้เราไม่พลาดโอกาสทั้งตัวเอง สังคม หรือธุรกิจ และมันทำให้เราไม่ต้องไปกังวล ว่าที่เราจะไปนั้นทันเวลาไหม หรือใครจะมารอเราแล้วบ้าง พอลดความกังวลไป สุขภาพจิตเราก็ดีขึ้น มีเวลาเหลือ ใช้เวลาได้เป็นประโยชน์ หากเรามาก่อน ก็จะได้เตรียมตัว เตรียมพร้อมกับเรื่องที่ต้องเจอต่อไป บ่น แต่ความแย่ของบ้านเราคือ คนที่มาตรงเวลา กลายเป็นคนที่ต้องตามคนที่มาช้าไปทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดตัวเอง หากไปงานหรือฟังบรรยาย ก็เสียเวลารอคนพวกนี้ไปอย่างน้อย...

ฉลาดไป ไม่เป็นที่ต้องการ

ในแต่ลำตำแหน่งคุณสมบัติ เราก็อยากได้คนดี คนเก่ง แต่ถ้าเก่งเกิน มันก็ไม่ได้สมน้ำสมเนื้อ เหมือนเรามี ดร. มาทำงานส่งเอกสาร ทั้งๆที่เราคิดว่า เขาหางานอะไรทำก็ได้ เป็นลูกจ้างที่ไหนก็ได้ คุณสมบัติได้ทุกอย่าง แต่นายจ้างไม่ได้มองแบบนั้น เพราะเอาคนเก่งเข้ามา มันก็ต้องมีราคาค่างวด แต่ถ้า ดร.คนนั้น ยอมลดระดับราคา ถึงนายจ้างจะจ้าง แต่มันก็เข้ากับสังคมไม่ได้ ไม่ใช่เพราะ ดร. ไม่ดีนะครับ แต่เพราะสังคมมันมีเส้นกั้นอยู่ เหมือนหัวโขนที่ติดตัวถอดไม่ได้...

อยู่กับปัจุบัน

ปัจุบันคือตอนนี้ แต่ใจเราก็คิดไปข้างหน้า ยิ่งแย่ใหญ่ถ้าเราคิดถึงอดีต เราใช้เวลาปัจุบัน ไม่ได้เพื่อปัจุบันเลย เราใช้เวลากับอดีตมากไป เราก็ยึดติด เราใช้เวลากับการคิดถึงอนาคตมากไป เราก็เพ้อเจ้อ ทำเลย ตอนนี้ ถึงจะใช่ แล้วเดี๋ยวมันก็มาเอง ที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปแล้ว มันย้อนไม่ได้ ถ้าจะแก้ก็ตอนนี้ แล้วเดี๋ยวมันก็จะเป็นอดีตที่ดีได้เอง เราจะได้ไม่ต้องคิดถึงมัน RIZnow

ล้ำสมัยเกินไป คนไม่เข้าใจ

ใครๆก็อยากทันสมัย แต่ล้ำสมัยคนคงคิด แต่ไม่ได้อยากเสี่ยง เพราะ อะไรที่ไม่รู้ ไม่เคย ไม่มีมาก่อน นั้นมันก็เป็นความเสี่ยง คนเราไม่อยากเสี่ยงอยู่แล้ว ระหว่างของชัวร์ กับของที่ไม่รู้ ก็เอาที่ชัวร์ไว้ก่อน แต่ ถ้าจะเอาสองอย่างนี้ไปให้รอด หรือเอาของทันสมัยมาขาย เราต้องหาจุดเชื่อมโยง ระหว่างอดีต กับอนาคต ให้เขารู้ว่ามันคืออะไร ไม่ใช่เหมือนลอยมาเฉยๆ ถ้าเขาคุ้น เขารู้ เขาก็เข้าใจ และถ้ามันบอกถึงอนาคตแล้ว เชื่อว่าคนยิ่งอยากได้...

บางทีมันไม่ใช่เคล็ดลับ แต่มันเป็นประสพการณ์

ที่เราทำอย่างนั้นได้ อย่างนี้ได้แบบที่คนอื่นเขาว๊าวกัน หรือหลายเรื่องที่คนอื่นทำได้ยาก แล้วเราทำมันง่ายๆ คนก็มาถามเคล็ดลับว่าทำได้อย่างไร จริงๆแล้ว เราเองก็เคยทำอะไรยากๆมากก่อน แต่ทำไปๆจนเกิดความชำนาญ แล้วพยายามแก้ไขปรับปรุงให้มันดีขึ้น คนอื่น มองเห็นเหมือนเราเจอทางลัด แต่เราทำไปมากๆ จริงๆเรามองว่าเป็นทางตรงมากกว่า ปกติ อาจจะมีอ้อมบ้าง คดเคี้ยวเลี้ยวเป็นงู แต่ประสพการณ์ การสังเกตุของเรามอง และสนใจในรายละเอียดจึงเจอ มันอาจจะไม่ใช่ความรู้สึกเคล็ดลับ แต่เราใช้ประสพการณ์ลองผิดลองถูกมาเยอะแล้ว จึงบอกท่านได้ RIZsecret

คนนึงบ่น คนนึงหาทางแก้

เราฟังเรื่องราวพวกนี้มานานแล้ว มันก็ให้แรงจุดประกายเราทุกที เมื่อคนสองคนเจอปัญหาเดียวกัน คนนึงบ่น ไม่ใช่ปัญหาของเขา โทษทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นตัวเอง แล้วมันก็ต้องเจอปัญหาอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แล้วก็บ่นต่อเป็นวงจร อีกคน หาทางแก้ปัญหา แม้ว่าบางที จะทำให้สิ่งต่างๆแย่ลงก็ตามที แต่ถ้าใจหรือทัศนคติพยายามที่จะไม่ทนกับสิ่งเดิมๆหรือพูดระบายอารมณ์แล้วนั้น มันย่อมมีทางไปต่อ และทางนั้นก็ย่อมมีโอกาสดีกว่าเดิม หลายๆคนที่รวยได้ เพราะเขามีสิ่งนี้ คือพยายามแก้ไขปัญหา ไม่ใช่รวยก่อนแล้วค่อยมีทัศนคติที่ดี เขามีเขาถึงทำได้ RIZnocomplain

คนทำงานมีสองกลุ่ม

คนทำงาน มีสองกลุ่ม กลุ่มแรก คือคนที่ ไล่ล่าความฝันของเขา มีเป้าหมาย มีความมุ่งมั่น ทำอะไรก็ได้ เหนื่อยแค่ไหนก็ได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขา จะอดก็ได้ เป็นหนี้ก็ได้ ทำอะไรได้ ยอมทำหมด ขอเพียงใช่ทางที่เขาไป เขารู้ แม้ว่าภาพนั้นจะเห็นเขาคนเดียว แต่ก็พิสูจน์อยู่ กลุ่มหลัง คือ รับจ้างกลุ่มแรก ทำงาน เพื่อให้ความฝันและเป้าหมายของคนกลุ่มแรกเป็นจริง RIZworkforlife