ทางที่ใช่แท้ๆ มันต้องมีอุปสรรค

เวลาเลือกทางเดิน มันก็มีทางง่ายกับทางยาก นี่คือทั่วๆไปที่คนมอง และคนส่วนใหญ่ เลือกทางง่าย แต่ผมชอบมองว่าทางไหนมีอนาคต หรือไม่มีอนาคต ก่อนที่จะมองว่ายากหรือง่าย ทางทุกทางมีเป้าหมายปลายทาง แต่ปลายทางแล้ว มันแค่จบ ก็จะเสียเวลาทำไม มันต้องไปทางที่ยิ่งใหญ่ และทางที่ยิ่งใหญ่จะมาง่ายๆ คงจะไม่ใช่ มันต้องยาก ลำบาก แต่เป็นไปได้ ต้องเป็นทางที่คนอื่นไม่คิดจะไป เพราะสิ่งที่กล่าวมา เพราะทางมันต้องคัดคน ถึงจะบอกได้ว่าคนเก่ง และเป็นคนที่รอด เดินให้ถูกทางนะครับ อย่าคิดแบบทั่วๆไป...

ดุลพินิจที่ดี

คนที่มีดุลพินิจที่ถูกต้อง ต้องผ่านการทำงานมาอย่างโชกโชน ถึงจะตัดสินผิดถูกด้วย ก่อนอื่น ดุลพินิจ เป็น คำสองคำที่ประกอบกันคือ ดุล ที่แปลว่า เสมอ หรือ เท่ากัน พินิจ แปลว่า การพิจารณา สองคำนี้รวมกันย่อมแปลว่า การพิจารณาอย่างเที่ยงธรรม ซึ่งคนจะมีได้นั้น ต้องมีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่ตัดสิน จะให้คนซึ่งมีประสพการณ์น้อย เข้าใจน้อย คำตัดสินก็อาจจะไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม มันจึงทำให้เด็กๆยังไงก็สู้คนที่ผ่านโลกมาไม่ได้ เพราะความเก๋ามันบอกได้ถึงความแม่นยำ ยิ่งประสพการณ์ยิ่งเยอะ...

ทำให้สิ่งที่ดีที่สุดที่มี ดีขึ้นกว่าเดิม

อยากพัฒนาตัวเอง เมื่อเราไปถึงจุดที่สุดแล้ว มันไม่ได้จบแล้ว หรือที่สุดแล้ว อย่าพึ่งพอใจกับสิ่งแค่นั้น มันแค่ไม่ง่าย จริงๆมันยากเลยแหละ หลังที่ผ่านจากจุดเส้นชัยไปแล้ว แล้วจะทำให้มันดีขึ้น เราต้องทุ่มเทมากกว่าเดิม เพื่อได้ผลเพิ่มขึ้นอีกนิด แต่ถ้าเรามีความมุ่งมั่นแบบนี้ ผมเชื่อว่า มันแตกต่าง เราไม่ได้แข่งกับคนอื่นอีกแล้ว ที่เหลือคือแข่งกับตัวเอง คนอื่นไม่รู้ และไม่เข้าใจ แต่เรารู้ ทุกๆนิดเดียวที่ขยับไปข้างหน้า มันคือจุดที่ผ่านความสามารถเก่า ที่เราพยายามทำทุกวัน มันดีอยู่แล้ว มันต้องดีกว่า และดีขึ้นกว่าเดิม...

ขอบคุณ อีกคำที่ผมว่ามันเปลี่ยนโลกได้

คำแรก ที่เป็นปฐมบทของการเริ่มต้นคือคำทักทายง่ายๆ เช่นคำว่า สวัสดีครับ เมื่อเริ่มเปิดเรื่องแล้ว อื่นๆ ก็จะเริ่มมาต่อเอง มันเอาไว้เริ่มความสัมพันธ์กับใครๆก็ได้ หากเปิดใจแล้ว ต้องเปิดปากพูดด้วย แต่อีกคำหนึ่งแล้วจะทำให้เขาจำเราได้คือคำว่า ขอบคุณ มันเป็นคำง่ายๆ ที่คนใช้น้อยมากทีเดียว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทิฐิต่างๆ เช่นความต่างของวัยวุฒิ หรือคุณวุฒิ แม้แต่ระดับชนชั้นทางสังคม ที่มีการแบ่งกันมาก่อนที่เราเกิด แต่ถ้าเราจะยึดตามแบบนั้น เราคงต้องโดนโดดเดี่ยว เพราะทุกคนต้องการยอมรับ และคำว่าขอบคุณนั้น มันก็เป็นคำที่เราสำนึกในสิ่งที่อีกคนฝ่ายมอบให้ จะเป็นเรื่องงาน...

ฝึกความจำ อย่าทำเป็นลืม

วันๆถึงแม้มีแต่เรื่อง บางเรื่องสำคัญบ้าง บางเรื่องก็ไม่สำคัญ มันก็มีบ้าง หากเราไม่สนใจ ปล่อยปะละเลย เราก็จะไม่ได้นึกถึงและจำมันไม่ได้ ถึงแม้เราไม่ได้ตั้งใจ แต่เราก็ฝึกตัวให้เป็นเช่นนั้นโดยไม่ตั้งใจเช่นกัน อย่าทำแบบนี้ครับ ถึงไม่มีผิดอะไร แต่ไม่ได้ฝึกตัวเองเพื่อพัฒนา บอกอะไรไว้ เราก็ต้องจำ จะไม่ได้ก็ต้องจด สัญญาอะไรเขาไว้ ยิ่งไปบนบานศาลกล่าว เจ้าที่เจ้าทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน ผ่านไปแล้วเราอาจจะไม่ติดใจ แต่ถ้าเป็นคนเขาจำได้ เขาจะมองเราไม่ดีแน่ ไม่พูด ไม่บอก แต่รู้ได้ด้วยตัวเอง ในบางเรื่อง...

คนอื่นช่วยเราแล้ว เราต้องช่วยตัวเองด้วย

มีปัญหา ขอให้คนอื่นช่วย คนอื่นก็อุส่าห์ช่วยเราแล้ว แล้วเราไม่ทำอะไร ปัญหามันก็ไม่ได้แก้หรอก ที่เราขอให้คนอื่นช่วย เพราะมันสุดที่ตัวเองจะแก้ไขได้ หรือช่วยตัวเองได้ แต่ถ้าขี้เกียจ รักแต่สบาย หากมีคนช่วยก็รอดไป แต่ถ้าคนเขาระอากับเราแล้วไม่ช่วย เดี๋ยวเราจะลำบาก ไม่มีคนช่วยเราไปตลอดหรอก ถ้างอมืองอเท้าเอาแต่ได้ จะขอให้คนอื่นช่วยมันต้องจำเป็น เมื่อได้มาแล้วมันก็ต้องสำนึกคุณค่า ไม่เพียงแต่สำนึกที่คนอย่างเดียว ก็ต้องสำนึกถึงสิทธิและการกระทำที่ได้รับ เมื่อได้แล้ว มีโอกาสก็ต้องเป็นผู้ให้บ้าง RIZhelp

เห็นแก่ตัวให้น้อย เห็นคนอื่นให้มาก

ตามปกติ ตามสัญชาติญาณ ทุกคนน่าจะเป็นคนเห็นแก่ตัวโดยพื้นฐาน แต่ถ้าทำเช่นนี้ทุกคน สังคมจะไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ มันก็จำเป็นต้องมีการเสียสละบ้าง ถึงแม้จะเป็นการเสียประโยชน์ส่วนตน แต่มันก็ทำให้เรายกระดับสังคม ให้ดียิ่งขึ้นไป จริงๆแล้วเราไม่รู้หรอกว่าที่เราเสียสละให้คนอื่นนั้น เราเองก็ได้ หากเกิดปัญหา เรายอมเสีย ปัญหาก็ไม่เกิด เรื่องราวก็ไม่ลุกลามใหญ่โต มันดีกว่าจะตั้งใจเอาเห็นแก่ตัวทั้งสองฝ่ายมาชนกัน จนบรรลัย คนเรานั้น การเห็นแก่ตัวมันเป็นอะไรที่มองสั้นๆเห็นแต่ตัวเอง แต่การที่เห็นแก่คนอื่นบ้างนั้น เราก็ต้องแลกอะไรไปบ้าง และมันจะมีค่าภายภาคหน้า กว่าเยอะ RIZgive

งานอดิเรก มันก็ช่วยขัดเกลาตัวเอง

งานอดิเรก มันเป็นงานที่ทำในเวลาว่าง หรือเมื่อเรามีเวลา และมันเป็นงานที่เราสนใจและอยากทำอยู่แล้ว บางคนอ่านหนังสือ บางคนสะสมของต่างๆ แต่ทุกอย่าง ไม่ใช่จะทำได้เลยแบบสำเร็จรูป หรือมีเงินก็ซื้อได้ เพราะสิ่งที่เราสะสม หรือสิ่งที่เราทำ มันมีค่ามากกว่าเงิน มันเลยต้องใช้ความมุ่งมั่น เอาใจใส่ สนใจ และมันค่อยๆทีละนิด ตามจังหวะและโอกาส จะเหมาซื้อทั้ง collection มันก็อาจจะได้ แต่ไม่ซาบซึ้ง และถ้าทำแบบนั้น เราก็จะเบื่อ เพราะเหมือนได้มาแล้ว ก็จบๆกันไป...

เข้าสังคมให้เป็น

บางคนก็มีเพื่อนมาก ดูเหมือนเขาหาเพื่อนได้อย่างง่ายดาย แต่บางคนเพื่อนน้อย และดูเหมือนก็ปลีกวิเวกจากสังคม เราอาจจะมองเรื่องของความสัมพันธ์ในการรู้จักคน มาเทียบกับเพื่อนในวัยเด็ก อยากจะมีเพื่อนดีๆ เพื่อนที่รู้ใจเหมือนในวัยเรียน พอคราวถึงวัยทำงาน เราก็หาเพื่อนในความรู้สึกแบบนั้นได้ยาก และก็ไม่อยากจะสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ แต่จริงๆ ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรนั้น มีได้หลายลักษณะ จะแบบวัยเด็กที่รู้ใจกัน เฮไหนเฮนั่น มันก็แบบหนึ่ง แต่อย่าถือว่าเป็นแบบเดียว ความสัมพันธ์แบบคนร่วมงานกัน หรือจะความสัมพันธ์เป็นแบบผู้ซื้อผู้ขาย มันก็ถือเป็นความสัมพันธ์ เพราะทุกความสัมพันธ์แม้บางทีจะฉาบฉวย หรือชั่วครั้งชั่วคราว มันก็สามารถเปิดโลกทัศน์เรา ให้รู้และเจออะไรใหม่ๆได้อีก...

ผิดถูกไม่เป็นไร แต่ต้องกล้าตัดสินใจ

จะคิดถูกที่สุด แต่มันต้องใช้เวลามากที่สุด ก็ไม่ทันกินแล้ว คนอื่นเขาไปกันหมด ถ้าเราเข้าใจความจริง ว่าโลกนี้ มันไม่มีความสมบูรณ์แบบ แต่ความเร็ว ย่อมมีความสำคัญ การกล้าตัดสินใจ ย่อมเป็นการแสดงออกถึงการเข้าใจของความไม่สมบูรณ์แบบนั้น เมื่อตัดสินใจแล้ว หากผิด เราก็รีบแก้ไข และถ้ายังผิดอยู่ก็รีบแก้ไขต่อ อย่าท้อ ยิ่งเรายิ่งทำอะไรบ่อยขึ้น มากขึ้น ประสพการณ์ในแต่ละครั้งที่ผิด มันจะสอนเราเองว่าต้องเลี่ยงยังไง เมื่อทำมากๆ ก็จะรู้มากไปโดยปริยาย แล้วเราก็จะเฉียบขึ้น ตัดสินใจได้คมขึ้นเรื่อยๆเอง ต้องฝึกบ่อยๆ...