ความล้มเหลวที่สำคัญคือ การวิเคราะห์ตนเองที่ผิดพลาด

มองโลกในแง่ดีมันเหมาะสำหรับการใช้ชีวิต แต่ไม่เหมาะที่จะนำมาเป็นส่วนในการตัดสินใจ การตัดสินใจ เราต้องมองโลกแห่งความเป็นจริง ถ้ามันร้าย ก็ต้องมองว่าร้าย ถ้ามันแย่ก็ต้องมองว่ามันแย่ ถ้าเราเอาเรื่องหลายเรื่องมารวมกันมากเกินไป เราจะแยกไม่ออกว่าจะจัดการหรีอแก้ปัญหาอย่างไร บางคน มองโลกในแง่ดีเกินไป เช่น การเป็นหนี้ เพราะคิดว่า เรามีความสามารถ ในการหารายได้ต่อเดือนที่สามารถจะครอบคลุมได้ แต่บางครั้งก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้แผนต่างๆที่คาด มันผิดพลาดไป เผื่อตกงานมา มันจะกระทบแผนการใช้หนี้ การทำอะไรสักอย่างที่ต้องคาดหวังกับอนาคต มันคือความเสี่ยง ทางที่ดีที่สุดคือไม่เสี่ยง แต่ถ้าจำเป็นต้องเสี่ยงก็ต้องคิดดีๆ...

ศักยภาพการรับความเสี่ยงของการลงทุน

ความเหลื่อมล้ำของคนมันมีอยู่แล้วครับ เรื่องของคนที่หาเงินได้มากถ้าเข้าใจ ก็จะหาได้มากจะหาได้มากขึ้นไปอีก ส่วนคนที่หาเงินได้น้อยแล้วพยายามจะหาเงินได้มากส่วนใหญ่มันก็จะผิดพลาดได้ง่าย ศักยภาพในการรับความเสี่ยงนั้น มาจาก ความสามารถในการหารายได้ต่อเดือน คนที่มีรายได้สูง ย่อมรับความเสี่ยงได้มากกว่า คนที่มีรายได้ต่ำ เนื่องจากความสามารถในการหารายได้ต่อเดือน เวลาเราคุยความสามารถ เราคุยเป็นเม็ดเงินหรือจำนวนเงินที่หาได้ ฉนั้น เมื่อคนที่มีเงินเหลือ หนึ่งแสนบาท ย่อมหาเงินได้มากกว่าคนที่ มีเงินเหลือหนึ่งพันบาท 1%ของหนึ่งแสน ย่อมมากกว่า 10%ของหนึ่งพันอยู่แล้ว และมองถึงการผิดพลาด แม้คนที่มีเงินเยอะกว่าเสียเงินไป แต่เขาจะหารายได้มาชดเชยในส่วนที่หายไปได้เร็วกว่า ซึ่งสำหรับ...

จะอวดรู้ ต้องมีดีจริงๆให้อวด

สังคมทั่วไป มันก็เป็นสังคมขี้อวดเหมือนกันนะ แต่ดูเหมือน ส่วนใหญ่จะอวดไม่รู้ มากกว่าอวดรู้ อวดในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง แล้วทึกทักไปเองว่า ตัวเองดีเก่งดัง มันคิดไปอยู่ในโลกจินตนาการของตัวเอง และดุเหมือนไม่ยอมรับความจริงกัน ในทางพระ ต้องรู้จริง เห็นแจ้งก่อน ถึงบอกสอนกันได้ ถ้าไม่รู้จริง ไม่รู้แจ้ง ก็ต้องอดไว้ ว่าเราไม่รู้ เรียนให้รู้ไปก่อน เรียนรู้ว่าเขารู้ ก็เรียคนกับเขา แต่ถ้าเรียนแล้วเขาไม่รู้ก็เปลี่ยนไปหาที่รู้ใหม่ คนมีดี ต้องมีดี อย่าเอาความดีคนอื่นมาอวดมาข่ม...

อย่าแค่ชอบสิ่งนั้น มันต้องหลงไหล และรู้จริงด้วย

ผมสรรเสริญคนรู้จริงนะครับ แต่การที่เขาเหล่านั้นจะรู้จริง มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หลายคนชอบอันนั้นอันโน้นอันนี้ แต่ก็ไม่ได้สามารถบ่งบอกตัวเองได้โดดเด่นมากพอ บางคนบอกว่า ทำอะไรที่ชอบ แล้วจะทำได้ดี แต่เดี๋ยวนี้ ชอบอย่างเดียว มันจะได้ดีไปได้อย่างไร ในเมื่อไม่ได้มีความพยายามอะไรเลย กับสิ่งนั้น และคิดว่าไม่นาน เดี๋ยวก็เบื่อ แล้วมันจะได้ดีได้อย่างไร ในเมื่อบอกชอบเฉย ถ้าชอบจริงๆ เราต้องศึกษามัน ให้รู้ให้แตกฉาน เอาให้ทุละกันไปข้างนึง ขนาดที่ใครมาถาม เราตอบได้อย่างลึกซึ้ง คนถึงจะได้ยกย่องเรา ว่ารู้จริง...

ดูกระแส แต่อย่าตามกระแส

บ้านเมืองเราเป็นบ้านเมืองตลก เมื่อเห็นอะไรดังอะไรเด่นก็แห่ทำตามกัน ทำตามกันมุมแคบๆ คือทำเหมือนๆกันหมด พอทำเหมือนกันหมดมันก็แย่งกันทำแย่งกันขาย ที่คลาสสิคที่สุด คือ เกษตรกร เห็นอะไรราคาดี ก็ปลูกเหมือนกันหมด และไม่เพียงแต่เกษตรกรเท่านั้น ยังมีคนเห็นโอกาส ก็แห่ลงทุนปลูกกัน เมื่อทุกคนกระโดดเข้ามา ทำให้ราคาที่เคยสูงๆ จากการต้องการที่มีมากกว่า สินค้า ทำให้สินค้าท่วมตลาด ราคาลดลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนรู้ว่าราคาตกก็ยิ่งขายหนี ราคายิ่งดิ่งลง ชิบหายบังเกิดแก่คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะทำไม่ได้คิด มันจึงได้ผลที่ไม่ได้จะให้เกิดเสมอ แต่จริงๆ...

ความท้าทายในการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องประสพความสำเร็จ แต่ต้องอยู่รอดก่อน

ความท้าทายของผู้ประกอบการ ในวันนี้ คือความอยู่รอด ตอนคนตั้งใจมาทำกิจการอะไรสักอย่าง เขาก็ได้วาดภาพฝันของความสำเร็จ แล้วจะทึกทักไปเอง ว่าฉันต้องประสพความสำเร็จแน่ๆ แต่ในความจริง มันไม่ง่ายเลยนะครับว่าจะทำได้ หากเราค่อยๆมองทีละก้าวทีละขั้นตอน เอาตัวให้รอดย่อมเป็นสิ่งที่ใกล้ที่สุด และใกล้กว่าความสำเร็จเยอะแยะ ซึ่งใครทำได้ ก็จะได้สิทธิไปต่อ และมันมากก่อนความสำเร็จทุกครั้ง เอาตัวให้รอดก่อนครับ เรื่องอื่นเรื่องรองๆเลย ฝันไป ทำให้ได้ มันต้องรอดก่อน RIZsurvive

เรื่องเล็กๆน้อย มันก็ทำให้คนประทับใจได้

การทำดี หรือการทำอะไรให้ มันไม่จำเป็นเลยที่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ๆ เรื่องเล็กๆน้อยๆนี่แหละ ที่ทำให้สิ่งธรรมดาๆที่เราทำกันทุกๆวันแตกต่าง การใส่ใจ ใส่รายละเอียดนั้น มันทำให้ดูสิ่งที่จำเจทุกๆวัน มันแปลกออกไป จนรู้สึกได้ คนที่ใส่ใจนั้น เราจะรู้เลย แต่คนเราก็ชอบคิดไปเองว่า big surprise มันเด่นกว่า ชัดเจนกว่า แต่การพยายามมากจนเกินไป มันอาจจะแป๊กๆ ก็เป็นได้ แล้วจะยิ่งผิดหวัง จะทำแต่เรื่องใหญ่ๆ เรื่องเล็กๆไม่ทำ ทำให้ลืมไปว่า เราใช้ชีวิตเป็นอยู่แบบไหน...

ขึ้นบันไดทีละก้าว ตอนล้มจะได้ไม่เจ็บ

ทำอะไรก็ควรทำอย่างมั่นคง รากฐานแข็งแรง ผิดพลาดอะไรไป มันจะได้แก้ไม่ยาก ผมเห็นคนหลายคน บอกว่าจังหวะมา เลย รีบๆ ก้าวๆ กระโดด ก็มีล้มลง ตกลงคอหัก เจ็บตัวก็เยอะแยะ เพราะเขาคิดว่าได้ รีบได้ จังหวะมา แต่ไม่รู้ว่าตัวเองพร้อมหรือเปล่า การทำอะไรด้วยความไม่พร้อมนั้น เป็นความเสี่ยง ผิดพลาดไปก็ต้องรับผิดชอบ จะบอกไม่รู้ไม่ได้ แต่ที่ผ่านๆมาก็เห็นว่าไม่คิดกัน เล็งผลเลิศเป็นส่วนใหญ่ ช้านิดหน่อย แต่ชัวร์...

อากาศร้อน ก็ควรต้องกินน้ำเย็น

อากาศร้อน มันทำให้คนหงุดหงิด ยิ่งสังคมเมือง เป็นสังคมที่วุ่นวาย รถติด มันง่ายต่อการที่จะระเบิดอารมณ์ ยิ่งคนต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ ทำให้จุดเดือดมันต่ำ แตะนิดแตะหน่อยก็อาจจะระเบิดได้ มันไม่ใช่เราผิด หรือใครผิด มันเป็นองค์ประกอบที่มากดดันเรา ผมว่าทุกคนรู้ว่า อารมณ์หงุดหงิด แต่ไม่ได้สนใจ มันเลยระเบิดง่าย กินน้ำเย็นๆสักหน่อย หาอะไรหวานๆกิน มันจะช่วยบรรเทา อย่างน้อยก็ผ่อนไปเยอะ น้ำเย็นๆสักแก้ว เปลี่ยนอิริยาบทอีกหน่อย สู้ต่อได้ด้วยสติครับ RIZhot

อย่าสร้างปัญหา เพื่อที่จะเป็นข้ออ้างได้แก้ปัญหา

คนเราอยู่เฉยๆ มันก็ดีอยู่แล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าคน และอยู่ร่วมกันในสังคม มันย่อมอยู่เฉยไม่ได้ มันก็ต้องมีเรื่องนั่นโน่นนี่ตลอดเวลา บางที เรื่องไม่มีอะไร เราก็ยังสร้างเรื่องขึ้นมา ไอ้ที่สร้างเรื่องขึ้นมา เพื่อที่จะเป็นข้ออ้างในการแก้ไขมัน บางเรื่องที่สร้างมันก็แก้ง่ายๆ หรือว่าเรารู้อยู่แล้ว ว่า ควบคุมได้ ก็ว่าไป แต่บางเรื่องสร้างมาแล้ว แล้วคุมมันไม่ได้ บานปลาย กลายเป็นเรื่องใหญ่โต งานนี้และงานช้าง เอาตัวไม่รอด แล้วมีปัญหาทับตัวเองก็เยอะ แน่นอนสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ แต่ผมรู้ว่าใครๆ...