อย่าหันหลังให้คู่ต่อสู้ เดี๋ยวจะแพ้ไม่รู้ตัว

ในสนามรบ แม้ว่ากองทัพที่ยิ่งใหญ่ รบกันแบบไร้พ่าย มันก็ไม่ได้แปลว่าแพ้ไม่เป็น บางครั้ง เราชอบทึกทักไปเอง และเอาอดีตที่ผ่านมาเป็นตัวตั้งค่ามาตราฐาน ว่าเราเทียบกับคนอื่นเขาเป็นอย่างไร และเอามาเดาปัจุบัน ที่เราคิดของเราไปเอง ด้วยประสพการณ์ว่าเขาคงเติบโตด้วยความเร็วเดียวกับเรา แต่เอาจริงๆ ผู้แพ้ เขาอาจจะเร่งพัฒนาตัว ด้วยความรู้สึกว่าเขาต้องรับเร่ง เพื่อจะเอาชนะเราได้ อย่าประมาทเชียว ไม่งั้นถ้าเขาไม่เอามีดมาจ่อคอเรา เขาก็ก้าวข้ามเราไปแล้ว และเราก็ยังคิดอยู่ไปเองว่า เขายังตามหลังเราอยู่ ออกไปดูโลกกว้างเพื่อการเรียนรู้บ้าง อย่าออกไปโลกกว้างแล้วก็คิดเหมือนเดิม RIZseetheworld

เริ่มด้วยการเลียนแบบ แล้วค่อยหาทางตัวเอง

มันยากนะครับ ที่คนเราจะคิดอะไรใหม่ๆ หรือคิดอะไรของตัวเองได้เลย แบบอยู่ดีๆโผล่ มันดูล่องลอย และไม่มีพื้นฐานอะไรมารองรับ สิ่งที่เราเรียนรู้ คือภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมา และค่อยๆ ขัดเกลา เพิ่มตัด มาเรื่อยๆ ผ่านยุคสมัยต่างๆ เรียนรู้มันไม่ผิด อย่างน้อยมันก็ย่นระยะเวลาเป็นพันๆปี ที่เราจะรู้ได้ทัดเทียมและมากกว่าคนโบราณ ไม่ต้องรีบที่จะหาตัวตน เพราะมันจะง่ายถ้าเรามีพื้นฐานที่เข้มแข็ง ประสพการณ์ที่มากพอ และตกผลึกไปกับมัน เมื่อนั้น มันจะง่ายที่จะหาทางตัวเอง ลอกไปก่อนครับถ้าไม่รู้ แล้วค่อยทำความเข้าใจกับมันให้มากพอ แต่อย่าสักแต่ว่าลอก...

ใช้สติ ห้ามใจ

สิ่งต่างๆ ผ่านเราทุกวัน ถ้าจะให้แยก มันก็มีสิ่งที่ดี และสิ่งไม่ดี แต่ปกติ เรามักไม่ได้มองมันว่าแค่เป็นสิ่งดีกับไม่ดี มันมีความอยากกับไม่อยากอยู่ด้วย เพราะ ถ้าเจอสิ่งที่อยาก คนเรามักมองข้ามสิ่งดีกับไม่ดีไปเลย และถ้าเราอยากในสิ่งที่มันไม่ดี แน่นอน ถ้าคิดมันก็หยุดตัวเองได้ แต่เพราะไม่คิด เราเลยตกหลุมของความไม่ดี ที่เราทึกทักไปเองตามความอยาก เมื่อเราทำในสิ่งไม่ดี เพราะความอยากนั้น พอเรารู้สึกตัว หรือทำมันไปแล้ว ความอยากมันก็จะหายไป หลงเหลือแต่สิ่งที่ไม่ดี ที่เราต้องรับผลของมัน มันไม่คุ้มหรอก...

ความลำบากสร้างคน

ผมมีเพื่อนเยอะ และเพื่อนๆผมก็หลากหลาย หลายคนรวยตั้งแต่เกิด หลายคนพึ่งมารวยตอนโต หลายคนรวยเอง หลายคนที่บ้านรวย ด้านนี้คือมุมหนึ่ง อีกด้านคือ หลายคนยังไม่มีเงิน เรียกว่าจนก็ก้ำกึ่ง บางคนเคยมีเงิน แต่ตอนนี้ไม่มีเหมือนแต่ก่อน จะอย่างไรก็ตาม ผมสนใจอยู่ที่ว่า ตอนนี้ยังเอาตัวรอดอยู่หรือไม่ ส่วนใหญ่ที่สบายมาก่อน มักไม่ค่อยมีภูมิคุ้นกัน เรียกว่าเจ็บไม่ได้ จนไม่ลง เลยต้องลำบาก ไม่เหมือนพวกที่เจอความลำบาก หรือฝึกตนมาก่อน เอาตัวรอดสบายๆ ผมเลยมองว่า จนรวยไม่สำคัญแต่...

ทุกคนที่เก่ง ย่อมมีคนริษยา

การเป็นคนเก่ง จริงๆมันดีนะ แต่เพียงแต่ การได้มาสิ่งนี้ จะได้บางสิ่งที่ไม่ได้อยากมาด้วย คนเราก็มีหลากหลาย ความรู้คิดอ่าน ไม่เท่ากัน ถ้าเช่นนั้นจะหวังให้ คิดเหมือนกันกับอย่างเราก็ไม่ได้ คนทั่วไปก็ย่อมชอบที่ให้คนมารักเรา แต่ก็ไม่ชอบที่คนเกลียดเรา แต่เราก็พยายามจะทำให้กลุ่มที่เกลียดเข้าใจเรา บางทีก็ได้ บางทีทำไปก็เสียเวลา จุดมุ่งหมายของเรา มันย่อมอยู่เหนือกว่า เมื่อมันใช่ ย่อมมีคนเข้าใจ ในท้ายที่สุด ปล่อยมันไปตามทางของมัน เราก็ทำหน้าที่ของเรา ให้ดีที่สุด ดีกว่า RIZwhenigood

เหตุผลมาทีหลังสำหรับบางเรื่อง

ผมใช้ตรรกะ ในการดำรงชีวิต เป็นอย่างมาก ผมใช้ตรรกะ ตัดสินแทบทุกสิ่ง เพราะมันคิดได้ คำนวนง่าย ผมใช้ชีวิตหลักๆ อยู่กับงาน สิ่งที่ทำ มันต้องรับผิดชอบ และตรรกะทำให้ผมทำงานง่ายเสมอ แต่ของบางอย่าง มันไม่ควรใช้ตรรกะตัดสิน ถ้าใช้มันตัดสิน คำตอบจะเป็นความถูกต้อง เหมาะสมมากกว่า ความรู้สึกว่าใช่ ของบางอย่าง ไม่ควรมีคำตอบ แต่ก็ชอบมีคนมาถาม มันเป็นปัญหาโลกแตก บางที ถ้าตอบไม่ได้ หรือตอบว่าไม่รู้...

ความถี่ถ้วนมากไปตัวฉุดลากชีวิตไม่ให้ดำเนินไปอย่างมีความสุข

ความละเอียดนะดี ละเอียดมากๆ ก็ดี แต่ละเอียดมากไป ไม่ดี จริงๆแล้วคนเราส่วนใหญ่ ไม่ค่อยละเอียด ก็ควรต้องฝึกให้มีความละเอียดเพิ่มขึ้น แต่พวกที่ละเอียดอยู่แล้ว ถึงจะฝึกให้มีความละเอียดเพิ่มขึ้นนั้นมันก็ดี แต่พอถึงจุดที่ต้องใช้ความละเอียด มันก็ต้องใช้อย่างพอดี อย่ามากไปจนหายใจไม่คล่องหรือหายใจไม่ได้ มันไม่ดีกับคนอื่นและตัวเอง ความเก่งควรมี แต่เก่งมากๆก็ควรแกล้งโง่เป็น ถ้ามันเก่งมากไปเป็นกรด จะไม่มีคนคบ เพราะเสียไม่ได้เสียไม่เป็น ต่อให้ยุติธรรมที่มากไป มันตึงไม่ยอมหย่อน มันก็อยู่ร่วมในสังคม ที่มีการผ่อนปรนไม่ได้ ไม่ผิดแต่ไม่ถูกต้อง เอาสบายๆ...

ทุกการเดินทาง สร้างประสพการณ์

ผมว่า คนไม่มีประสพการณ์ แปลว่าคนๆนั้นไม่ได้ทำอะไร และคงไม่ยอมทำะไร ไม่ผิดแต่มันไม่รู้อะไร ประหนึ่งเป็นกบอยู่ในกะลา ที่ไม่ยอมแม้จะมองออกไปจากกะลาที่ตัวเองอยู่ ทุกการเดินทางมีความหมาย มันไม่ได้หมายว่าเดินทางแล้วจะดี แต่ทุกการเดินทางมันจะเป็นสิ่งดี ถึงแม้ว่าจะไม่ดีก็ตาม ไม่ใช่ผมให้ออกไปแล้วเป็นทุกข์นะครับ เพราะถ้าบอกแบบนั้นก็ไม่มีคนออก แต่ความสนุกของมันอยู่ตรงนี้ ที่เราไม่รู้หรอกว่ามีอะไร มีแต่ความคาดหวัง ความคิด จินตนาการในสิ่งที่ยังไม่ได้เกิด และเราจะรู้ได้ ถ้าหาก เราออกเดินทาง RIZjourney

ถ้าเรารู้สึกพอ มันก็หยุดได้เอง

มนุษย์ย่อมมีความอยาก อยากโน่นอยากนี่ ไม่มี เราก็อยากมี เห็นคนอื่นมีเราก็อยาก แต่พออยากไปมากๆ เรารู้ตัวอีกที เราก็ไม่อยากมันแล้ว มีบางทีนะครับในความรู้สึกผม ที่ผมชอบทำโน่นนี่ตลอดเวลา แต่พอถึงจุดนึงวันนึง เบื่อมันซะดื้อๆ เหมือนถ้าใครดูหนังเรื่อง ฟอเรส กัมป์ ที่เขาอยู่ดีๆ ก็วิ่งไปครึ่งประเทศ พอวันนึง เขาก็หยุดไปซะงั้น ลักษณะของการหยุด มันเหมือนหยุดไปเฉยๆ แต่มันก็ต้องสั่งสมอะไรมามากพอจนถึงจุดพอ มันก็หยุดได้เอง มันก็ใช้ได้กับทุกอย่างนะครับ ไม่ใช่เกินไป...

ถ้าโอกาสมา ก็ต้องเลือก

ในชีวิตคนเรา ย่อมมีโอกาสผ่านเข้ามาตลอดเวลา แต่ในแต่ละโอกาส ก็ย่อมไม่เหมือนกัน มีดี มีไม่ดี มีมากมีน้อย มันก้ต้องเลือก ต่อให้ดี แล้วจะรับหมดมันก็ไม่ไหว เวลามีเท่ากัน ความสามารถมากน้อยแตกต่างกัน แต่มาสิบรับสิบได้ มาร้อยรับร้อยจะไหวหรือเปล่า พอเลือก จะเลือกแบบไหน แบบดี แบบมีความสุข แบบรวย มันก็ขึ้นอยู่กับบุคคล ว่าเขาขาดอันไหน หรืออันไหนสำคัญ แต่เอาอะไร มันก็ต้องแลกทั้งนั้น ต่อให้ฟรี...