ถ้าเริ่มด้วยความโลภ ไม่มีความรู้ ก็แววหมดตัวมาละ

พอเราเห็นคนอื่นมา เราก็อยากมี พอเราเห็นคนอื่นได้ เราก็อยากได้ พอเราเห็นคนอื่นใช้ เราก็อยากใช้ อยากมี อยากได้ อยากใช้ ไปหมด แต่ให้รู้นะไม่ยอมรู้ เราอยากเพราะโลภ พอเราไม่รู้ ไม่รู้จริง สิ่งต่างๆที่คนอื่นทำ เราคิดว่ามันง่าย ใครๆก็ทำได้ แล้วก็ลองทำดู ถึงรู้ว่ามันยาก พอมันยาก สิ่งที่เราลงไปแล้ว เสียไปแล้ว ก็มลายหายไป ทั้งเงิน ทั้งแรง...

บางทีความหมายบางอย่างมันลึกเกินกว่าคนทั่วไปเข้าใจ

หลายๆครั้ง ผมฟังคนอื่นพูดไม่รู้เรื่อง เพราะเห็นผู้ใหญ่พูดเรื่องราวเชิงเปรียบเทียบประวัติศาสตร์มากมาย จนเราไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร แต่คู่สนทนาของเขาก็ดูเหมือนจะเข้าใจกัน และโต้ตอบเช่นเดียวกันด้วยเรื่องราวเชิงเปรียบเทียบประวัติศาสตร์ เราก็สงสัยว่าทำไม ไม่พูดอะไรมาตรงๆ ว่าอยากได้อะไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มันจะง่ายกว่าไหม แต่จริงๆ การบอกอะไรตรงๆ มันเป็นความเข้าใจง่ายๆ ที่ไม่ต้องคิด มันเหมาะสำหรับเด็ก หรือพวกคนที่ไม่ต้องการคิด มันก็ดูเหมือน จะเป็นพวกอยู่แนวหน้า หรือระดับล่างๆหน่อย จริงๆแล้วเราควรเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ เพราะประวัติศาสตร์ได้เขียนเรื่องราว ปัญหา และแนวทางแก้ไขไว้แล้ว...

อะไรที่ผ่านไปแล้ว มันผ่านไปแล้วจริงๆนะ

เรื่องดี หรือเรื่องร้าย ถ้ามันเกิดขึ้นไปแล้ว มันก็จบไปแล้ว แต่มันก็ทำให้ผลของเรื่องที่เกิดไปแล้วยังตามมา ถ้าทำดี แล้วมีคนเห็น ก็จะมีคนสรรเสริญ ถ้าทำไม่ดี แล้วมีคนเห็น ก็จะมีคนสาปแช่ง แต่เราจะไปโทษในสิ่งที่เราทำไม่ได้ เพราะเราเป็นคนทำเอง และมันก็ผ่านมาแล้ว สิ่งที่จะทำให้เรามุ่งต่อไปคือ หากทำผิด ก็แก้ไขปรับปรุง เพื่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป หากทำถูก ก็ต้องรักษามันไว้ ไม่ยึดติด และพัฒนาต่อไป เพราะหลายๆคนมันยังติดกับอะไรที่ผ่านมา มันจะทำให้อนาคตไม่มี ไม่ไปต่อ...

ถ้าทำอะไร ไม่ต้องคิดมาก แค่แก้ไขมัน เท่านั้นเอง

หากถ้าเราทำอะไรผิดพลาดพลั้งเผลอไป เราจะแก้ไขมัน หรือโยนความผิดให้คนอื่น หรือสภาพแวดล้อม จะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ มันก็ผิด และผ่านไปแล้ว มันก็อาจจะยาก สำหรับคนที่ไม่ยอมรับ แต่ถ้าจะผ่านไปให้ได้ ไม่ใช่ปล่อยผ่านไป มันจะไม่ได้พัฒนาตัวเอง ความผิดย่อมเป็นครูสอนเราได้ ถ้าเรายอมรับมันเป็นครู อ่อนน้อมกับมัน ก็แค่ แก้ไขมัน เท่านั้นเอง จริงๆ ไม่ต้องมีอย่างอื่นเลย ต่อไป จะได้ไม่ผิดซ้ำ RIZwheniwrong

ถึงเราเก่งกว่า ก็ไม่ใช่เราจะดีกว่า

ความสามารถที่มี ต่อให้เราเก่งกว่า ทำอาหารได้อร่อยกว่า แต่ถ้าค้าขายไม่เป็น มันก็แพ้พวกฟาสฟู๊ด เพราะคนที่ขายเป็น เค้ามองภาพได้ครบกว่า รู้ว่าจะเอาใจผู้บริโภคอย่างไร รู้จักสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง รู้จักแบร์น ไม่ใช่่ เอาถูกผิดเข้าว่า มันก็แป๊กได้ทั้งนั้น เลือกที่รักมักที่ชัง มั่นใจตัวเองมากเกินไป ถึงตัวเองทำได้จริงแต่คนเขาหมั่นใส้ ติฉินนินทา ต่อไปจะหาทางเติบโต แตกใหญ่ ย่อมเป็นได้ยาก อย่าคิดว่า ฉันทำอาหารอร่อย ต่อให้อยู่ท้ายซอยในตลาด ก็ต้องมีคนเดินมากิน ยิ่งคนสมัยนี้...

โลกมันหยาบ แต่จะเอางานละเอียดมันเลยแพง

คนในโลกนี้มีมากมาย อยู่เต็มไปหมด ส่วนใหญ่ก็ต้องดิ้นรน เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด และเพื่อที่จะอยู่รอด จึงต้องทำทุกวิถีทาง อันนี้ว่ากันไม่ได้ ดิ้นให้รอด เหลือเมื่อไรค่อยว่ากัน แต่สำหรับคนที่เริ่มเหลือ มันก็ต้องหาอะไรที่ขั้นกว่า จะดีกว่า หรูกว่า หรือมากกว่าปกติ จะเรียกว่าพิเศษก็ว่าได้ ก็แล้วแต่จะเพิ่มกันเข้าไป มันจะได้สูงกว่าปกติ แต่ที่สุดแล้ว มากกว่าจะฟังชั่นเยอะกว่าแล้ว มันต้องสวยกว่า ความสวยนั้นเป็นศิลป์ มันมีควาามเป็นปัจเจก มันเลยต้องแลกกับการจ่ายเพิ่มขึ้น ของดี มันเลยแพง...

ความเงียบ ก็เป็นเกราะคุ้มครองได้

เห็นคนแข่งกันไปแข่งกันมา จากพูดธรรมดา จนพูดขึ้นเสียง จากเรื่องของงาน ใส่กันจนเป็นอารมณ์ เมื่อแรงมา ยอมกันไม่ได้ก็ต้องแรงกลับ จะด้วยถูก หรือผิด ไม่สน แต่ข้าต้องได้ ต้องชนะ มันก็มีเรื่องกันจนได้ เก่งก็จริง แต่ไม่ยอมใคร แล้วจะมีเพื่อนไหนคบ ถ้าไม่เพื่อผลประโยชน์ หมดเมื่อไร ก็เป็นใครไม่รู้จัก เมื่อแข่งขัน ต้องรู้จัก ผ่อนหนัก ผ่อนเบา ทุกคนรู้จักก้าวหน้า แต่ไม่ได้ฝึกถอยหลัง...

ความเป็นศิลป์ มันคือ สุทรีย์ มูลค่าเพิ่ม

ถ้าจะแข่งความถูก มันคือแข่งอะไรที่เป็น functional อะไรที่พื้นฐาน มันจำเป็น มีแต่การแข่งขัน ลดต้นทุน จัดการกระบวนการผลิต ทำให้เยอะๆ เพื่อจะลดราคาลงมาให้มากที่สุด มันอาจจะไม่เหมาะสำหรับคนตัวเล็กๆ ที่จะแข่งกับคนที่ใหญ่ๆ แต่สิ่งที่แข่งขันกันได้คือ art เพราะมันเป็นความคิดสร้างสรรค์ ที่ไม่ได้กำหนดว่าจำเป็นต้องถูกอย่างเดียว มันเป็นการตอบโจทย์ ของธรรมดา ที่ให้คุณค่ามากขึ้น จะขายให้แพงขึ้น มันต้องมากกว่า functional ใส่ art จะจับต้องได้ไม่ได้ไม่เป็นไร...

อย่าวิ่งตามความฝันของคนอื่น

ความฝันเป็นสิ่งที่ดี และถ้ามีความพยายาม ก็น่าจะทำให้ฝันเป็นจริงได้ บางทีความฝันของคนๆหนึ่ง โดนส่งมอบไปให้คนอีกคนหนึ่งอย่างไม่รู้อะไร และในบางครั้ง ก็ไม่ได้เต็มใจนัก เช่น ในรุ่นพ่อแม่ทำไม่ได้ ก็เลยมากรอกความคิดให้รุ่นลูกทำ ถ้าเราไม่ได้เข้าถึงกับความฝันในเชิงลึกนั้น มันก็รู้สึกได้เพียงว่า เราทำให้กับคนอื่นเขา พอเราทำให้คนอื่นเขา เราก็เลยไม่อิน มันก็เหมือนแค่ทำส่งๆไป มันเหมือนกับเป็นงานอีกงานหนึ่ง บ่อยครั้งมากที่มันน่าเบื่อ เราต้องทำให้ ในสิ่งที่เราไม่ชอบ แล้วเราต้องฝืนทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับมัน มีแต่ความกดดันมาให้ เราก็ไม่อยากทำ งานมันก็ออกมาไม่ดี...

ต่อให้เราเก่ง ถ้าเราเจอคนเก่งกว่า เราก็จะตัวเล็กลงทันที

ความภูมิใจของคนเราในบางครั้ง ถ้าเราทำอะไรได้ ทำอะไรดี ถ้าเทียบกับในกลุ่มที่เราอยู่แล้ว เราทำได้ดีกว่า เก่งกว่า เราจะมีความรู้สึกว่า ตัวเราใหญ่ ใหญ่มาก จนบางที อาจจะเผลอคิดว่า เรานี้เก่งที่สุดในโลกหล้า แต่พอออกจากกลุ่มที่เราคุ้นเคย ไปเจอสังคมที่ใหญ่กว่า เราอาจจะรู้ความจริงว่า ที่เราเคยบอกใครๆว่าเราเก่ง เก่งกว่านั้น ยังมีคนเก่งกว่าเราอีกเยอะแยะมากมาย อะไรที่เราว่ายากๆแล้วเราทำได้ มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆง่ายๆของคนพวกนั้น ความภูมิใจที่เรามี จะเหี่ยวลงทันที และมันจะทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เราเคยมั่นใจ เคยผยองนั้น...