อดีตให้เป็นอดีต

ที่ผ่านมา เราก็ทำถูกก็เยอะ ผิดก็มาก เมื่อเราทำถูก เราก็ยังกล่าวถึงมันอยู่ ราวกับว่ามันพึ่งเกิดขึ้น ส่วนที่เราทำผิด เราก็พยายามจะลืมๆมันไป แต่เอาเข้าจริงๆ เราก็ยังคิดถึงมันอยู่เสมอ ที่เรามักแสดงออกมา คือพูดถึงเกี่ยวกับมันบ่อยๆ แม้บางทีเราไม่ได้คิด แต่จิตใต้สำนึกของเราได้ถูกผูกไว้ เมื่อเราก้าวไปข้างหน้าแต่ใจเราก็อยู่กับอดีต มันก็ดูไม่เต็มที่ ที่มันแสดงออกมาจริงๆ ถ้าเราไม่ปล่อยให้อะไรผ่านๆไปบ้าง ของใหม่ๆมันจะได้มีโอกาสเข้ามาไหม มันจะรับของใหม่ๆได้อย่างไร ถ้าอดีตยังไม่ปล่อยให้เป็นอดีต RIZshallwepast

ถ้าเราไม่เก็บอดีตไว้ สิ่งที่เราจำได้ ก็จะมีแต่ปัจุบัน

ผมเป็นคนหนึ่งที่ เคยฝังใจกับอดีต ไม่ว่าทำอะไร มันก็จะได้นึกหวลย้อนกลับไป จนมันฉุดรั้นไม่ให้ผมได้มีโอกาสได้มีอนาคต ไม่ใช่อดีตไม่ดีนะ แต่ส่วนมาก ผมว่า มันไม่ดี เพราะมันเป็นความฝังใจ ทำให้เราไม่กล้าที่จะอะไร หรือรออะไรบางอย่างที่ทั้งๆที่รู้ว่าคงไม่มา ส่วนหนึ่งของชีวิตผมหมดไปจากการผมอยู่กับอดีต แล้วรอมันไปเรื่อยๆ จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่ได้มา … มันจะมาได้อย่างไร ในเมื่อไรคิดของเราไปเอง จนวันหนึ่ง ผมก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อันใด จริงๆรู้นานแล้ว แต่พึ่งลุกขึ้นเอง ผมรู้ว่าอดีตจริงๆแล้ว แค่รู้ก็พอ แต่ถ้าลืมได้ก็ลืมๆมันไป...

ขาวคือขาว ดำคือดำ แม้ว่าโลกจะเทา

มีคนบอกว่าความดีคือสีขาว และความเลวคือดำ แต่โลกนี้ มันผสม ปนเป เลยกลายเป็นสีเทาๆ จะเทาเข้มหรือเทาอ่อน แต่ อ่อนย่อมดีกว่าเข้ม แต่เลยให้ใช้ชีิวิตแบบเทาๆ คิดว่าไม่ควร เพราะ ขาว คือ ขาว ดำ คือ ดำ ขาว ไม่เป็นดำ และ ดำไม่เป็นขาว เพียงแต่เราเห็นไปเองว่า ผสมกันแล้วมันเป็นเทา ถ้าจะแบ่งแยก...

เรื่องที่รบกวนจิตใจ ต้องหาทางแก้ไข ถ้าจะทำงานต่อ

เวลาทำงาน ไม่ใช่ว่าเราจะมุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียวได้ มันก็จะมีอะไร มารบกวนตลอดเวลา ปัญหาจุกจิก หรือสิ่งที่เราต้องแก้ไขในชีวิตประจำวัน บางเรื่องเกี่ยวกับงาน บางเรื่องก็ไม่เกี่ยวกับงาน บางเรื่อง มันก็เป็นเรื่องส่วนตัว บางเรื่องมันก็เป็นปัญหาครอบครัว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม มันก็จะทำให้พลังที่เราจะมุ่งไปข้างหน้า ไปหาเป้าหมายมันโดนฉุดรั้งไว้ ด้วยใจเราเอง อันที่จริงแล้ว ถ้าเกิดความผิดปกติ เราก็ต้องค้นหาว่ามันคืออะไร แล้วนำออกมา เพื่อจะพิจารณาว่าจะแก้ไขอย่างไร แต่เราก็ต้องรู้ว่า มันก็มีเรื่องที่ แก้ได้ และ แก้ไม่ได้...

อยู่ที่อโคจร ย่อมเสี่ยงมีปัญหา

อ่านข่าวแล้วเห็นเรื่องร้ายๆ หรือคนตีกัน ส่วนมาก สถานที่ตีกัน ย่อมเป็นสถานที่ ที่มีความเสี่ยงต่อการขาดสติ หรือเป็นสถานที่สนุกสนาน อันมากกว่าวิสัยคนปกติ เช่น ผับ บาร์ สถานแหล่งบันเทิงกลางคืน จริงๆแล้ว มันก็ถือเป็นเรื่องปกติ ที่คน มีความทุกข์ก็ดี หรือขาดสิ่งใดในใจก็ดี ย่อมหาทางออก การใช้เครื่องดื่มมึนเมาในการ ผ่อนคลาย หรือเพื่อสนุกสนาน มันก็จะทำให้ ขาดสติ และ การคิดอ่านทำอะไรที่ขาดสตินั้น...

คนชัดเจนจะไม่มีที่ยืน คนพูดตรงๆ คนอื่นจะรับไม่ได้

เหมือนแรกเริ่ม สิ่งต่างๆ เราต้องรู้จักขาว รู้จักดำ แต่เมื่ออยู่ร่วมกันในสังคมนั้น เราก็ต้องรู้จัก ขาว ผสมดำ จนกลายเป็นเทา คนที่ทำอะไรชัดเจน อาจจะเป็นที่ถูกใจของคนที่ได้เห็น แต่ไม่ได้อยู่ร่วมด้วย บางครั้ง ความชัดเจน มันก็ทำอะไรได้ง่าย แต่ไม่ใช่หมายถึงอยู่ในสังคมได้ง่าย เมื่อคนอื่น อยากให้เราพูดตรงๆออกไปนั้น วุฒิภาวะของคนฟัง มันก็ไม่ได้เท่ากัน หรืออยากได้ในสิ่งที่เขาต้องการจะรู้ แต่เขาเหล่านั้นอยากได้ ในสิ่งที่เขาอยากจะฟัง แค่บางส่วนที่ตรงใจเขา และตรงใจเรา...

IQ อย่างเดียวไม่พอ ต้องมี EQ จำเป็นมาก

ยุคนี้เราเห็นคนที่ฉลาดออกมาโดดเด่น แล้วมี คนที่ประสพความสำเร็จหลายๆคน แต่มักจะเป็นคล้ายฮีโร่ ที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ทุ่มเท และอารมณ์ร้าย อย่างเช่น สตีฟ จ๊อป หรือ อีลอน มัสค์ จากคำบอกเล่าของคนที่ทำงานด้วย ถึงแม้จะเป็นคนที่มีความคิดฉลาดอย่างหาใครเทียบด้วยยากแล้วนั้น แต่ทำงานด้วยกันยาก เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ได้คำนึงถึงจิตใจ คนทำงานด้วยหรือคนรอบข้าง หากถ้าเขาไม่ได้เป็นคนที่ประสพความสำเร็จ หรือจ่ายผลตอบแทนอย่างงดงามแล้วนั้น ถ้าเลือกได้ ก็คงไม่มีใครอยากทำงานด้วยจริงๆ...

ถ้าจะรักษาอดีตไว้อย่างเดียว เมื่อไรจะมีอนาคต

อดีต มันมีที่ ดีงาม และ เสื่อมโทรม บางสิ่ง ก็ควรจะรักษา บางสิ่งก็ควรปล่อยให้มันถูกลืมไป คัดเหลือแต่สิ่งดีๆไว้ เพื่อจะได้มาต่อยอด ให้สร้างสรรค์โลกต่อไป บางที เราได้คุยกับนักอนุรักษ์นิยม แต่แบบสุดขั้ว ไอ้พวกนี้ก็ไม่ยอมรับอะไรใหม่ๆ ทุกอย่างต้องทำตามแบบแผน จะกลายเป็นอื่นก็ไม่ได้ ดูเหมือนพวกดื้อหัวแข็ง ผมก็รู้ว่า ท่านก็เป็นห่วง ไม่อยากให้สูญหาย แต่การทำตัวของท่านนั้น มันเป็นกิรยาของการที่จะทำให้มันหายโดยขัดกับความตั้งใจ ทางเดินมันมีสอง คือความอมตะ...

การเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง รวดเร็ว คงตายก่อน

ชีิวิตของคนเรา มันก็ชอบอยู่อะไรทีปลอดภัย หากมีอะไรมากระทบ ก็ย่อมต้องตั้งฉากป้องกัน ไม่ให้มันเกิดขึ้น โดยไม่ได้สนใจว่ามันดีกว่าหรือไม่ แต่การเปลี่ยนแปลงทางด้านต่างๆของโลก มันมีมาเร็ว และโถมใส่ บางทีเราก็เปลี่ยนแปลงไปโดยการเหวี่ยงของโลกมัน โดยไม่รู้ตัว เพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงด้วยภาพรวม เช่น เราใช้มือถือจนกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ซึ่งเอาเข้าจริงๆแล้ว มันพึ่งมาแค่ช่วงสิบปีนี้ แต่สำหรับบางองค์กร ก็ต้องการการปรับเปลี่ยน เพื่อให้ทันกับโลก บางที มันต้องปรับเปลี่ยนแทบทุกอย่าง อย่างที่ดำเนินมา ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็จะช๊อกกับการเปลี่ยนแปลง จนเกิดการต่อต้าน หรือประท้วง...

กลายเป็นว่าคนอยู่ในกรอบเป็นคนดี ชิบละ

ตอนเป็นเด็ก ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังพ่อแม่ โตมาเรียนหนังสือ อาจารย์ให้ทำอะไร ก็ทำไม่บ่น เพราะเชื่อมั่นว่าเป็นทางที่ถูก ตอนทำงาน หัวหน้าสั่งอะไร ทำได้หมด ตามที่สั่ง ดูรวมๆก็ดีนะ แต่ดูแล้ว เหมือนเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ใช้สมองในการสร้างสรรค์เท่าไร มีสมอง รับคำสั่ง คล้ายจะเป็นหุ่นยนต์วิ่งอยู่ในกรอบ ต้องโดนป้อนโปรแกรม แล้วก็จะทำได้ พวกนี้ เป็นเหมือนแรงงานมากกว่าแรงสมอง น่ากลัวว่าคนดีๆ หากมีเครื่องจักรมาทำได้ ก็จะทำทดแทน แล้วพวกนี้จะสงสัย...