orange
Just another my IDEA
ใครๆก็อยากทันสมัย แต่ล้ำสมัยคนคงคิด แต่ไม่ได้อยากเสี่ยง เพราะ อะไรที่ไม่รู้ ไม่เคย ไม่มีมาก่อน นั้นมันก็เป็นความเสี่ยง คนเราไม่อยากเสี่ยงอยู่แล้ว ระหว่างของชัวร์ กับของที่ไม่รู้ ก็เอาที่ชัวร์ไว้ก่อน แต่ ถ้าจะเอาสองอย่างนี้ไปให้รอด หรือเอาของทันสมัยมาขาย เราต้องหาจุดเชื่อมโยง ระหว่างอดีต กับอนาคต ให้เขารู้ว่ามันคืออะไร ไม่ใช่เหมือนลอยมาเฉยๆ ถ้าเขาคุ้น เขารู้ เขาก็เข้าใจ และถ้ามันบอกถึงอนาคตแล้ว เชื่อว่าคนยิ่งอยากได้...
ที่เราทำอย่างนั้นได้ อย่างนี้ได้แบบที่คนอื่นเขาว๊าวกัน หรือหลายเรื่องที่คนอื่นทำได้ยาก แล้วเราทำมันง่ายๆ คนก็มาถามเคล็ดลับว่าทำได้อย่างไร จริงๆแล้ว เราเองก็เคยทำอะไรยากๆมากก่อน แต่ทำไปๆจนเกิดความชำนาญ แล้วพยายามแก้ไขปรับปรุงให้มันดีขึ้น คนอื่น มองเห็นเหมือนเราเจอทางลัด แต่เราทำไปมากๆ จริงๆเรามองว่าเป็นทางตรงมากกว่า ปกติ อาจจะมีอ้อมบ้าง คดเคี้ยวเลี้ยวเป็นงู แต่ประสพการณ์ การสังเกตุของเรามอง และสนใจในรายละเอียดจึงเจอ มันอาจจะไม่ใช่ความรู้สึกเคล็ดลับ แต่เราใช้ประสพการณ์ลองผิดลองถูกมาเยอะแล้ว จึงบอกท่านได้ RIZsecret
เราฟังเรื่องราวพวกนี้มานานแล้ว มันก็ให้แรงจุดประกายเราทุกที เมื่อคนสองคนเจอปัญหาเดียวกัน คนนึงบ่น ไม่ใช่ปัญหาของเขา โทษทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นตัวเอง แล้วมันก็ต้องเจอปัญหาอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แล้วก็บ่นต่อเป็นวงจร อีกคน หาทางแก้ปัญหา แม้ว่าบางที จะทำให้สิ่งต่างๆแย่ลงก็ตามที แต่ถ้าใจหรือทัศนคติพยายามที่จะไม่ทนกับสิ่งเดิมๆหรือพูดระบายอารมณ์แล้วนั้น มันย่อมมีทางไปต่อ และทางนั้นก็ย่อมมีโอกาสดีกว่าเดิม หลายๆคนที่รวยได้ เพราะเขามีสิ่งนี้ คือพยายามแก้ไขปัญหา ไม่ใช่รวยก่อนแล้วค่อยมีทัศนคติที่ดี เขามีเขาถึงทำได้ RIZnocomplain
คนทำงาน มีสองกลุ่ม กลุ่มแรก คือคนที่ ไล่ล่าความฝันของเขา มีเป้าหมาย มีความมุ่งมั่น ทำอะไรก็ได้ เหนื่อยแค่ไหนก็ได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขา จะอดก็ได้ เป็นหนี้ก็ได้ ทำอะไรได้ ยอมทำหมด ขอเพียงใช่ทางที่เขาไป เขารู้ แม้ว่าภาพนั้นจะเห็นเขาคนเดียว แต่ก็พิสูจน์อยู่ กลุ่มหลัง คือ รับจ้างกลุ่มแรก ทำงาน เพื่อให้ความฝันและเป้าหมายของคนกลุ่มแรกเป็นจริง RIZworkforlife
เวลารู้จักใครก็ตาม ถ้าจะให้เราคิดถึงเขาแล้ววิจารณ์มา ส่วนใหญ่จะติมากกว่าชม มันเหมือนเป็นนิสัยสันดานของของคน ที่ไม่ค่อยจะยอมให้คนอื่นดีกว่า เลยหาจุดติเขาไปเรื่อย มันก็มีไม่ดีบ้าง แต่สิ่งดีๆก็มีนะ จะใช้คน จะมองแต่ปัญหา เราจะใช้เขาได้อย่างไร เราต้องมองแง่ดีของเขา แล้วก็ใช้เขาในสิ่งที่เขาทำได้ และทำได้ดี เขาก็จะได้ก้าวข้าม พร้อมประสพการณ์ที่เพิ่มพูน มองเขาไม่ดี ถ้าแค่นี้อย่ามอง มันต้องมองที่ดีด้วย และที่ไม่ดี ต้องแก้ให้เขาแบบเนียนๆได้ด้วย RIZlookoptimistic
ในการทำงาน ผมเจอคนอยู่สองประเภทเวลาทำผิด คือทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด โทษโน่นนี่ โทษคน โทษสิ่งของ โทษความพร้อม โทษทุกอย่าง พวกนี้ไม่รู้ว่าเขารู้ตัวหรือไม่ ว่าทำผิดอยู่ หากเจอก็ต้องระวังไว้ เพราะเจอแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น มันโยนหมด พาซวย อีกกลุ่มคือ ผิดแล้วยอมรับ แม้หลายๆครั้งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิด แต่ก็ดีกว่าไม่ยอมรับ แล้วหากเขายอมรับเราก็ต้องสอนเขาให้รู้เข้าใจและระวัง จะได้ไม่เกิดเหตุซ้ำ ให้เกิดองค์เรียนรู้ เป็นความรู้จำไว้ สำหรับกลุ่มนี้ ถ้าทำผิดแล้วยอมรับ...
ความคิดเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ลำบาก สำหรับคนทั่วๆไป ถึงแม้ฝึกแล้ว ก็ยังยากอยู่ เมื่อเราคิดอะไรไปแล้ว ไม่เป็นไร ปล่อยไป หรือตามดูไป อย่าพึ่งปักใจ ตกลงใจ หรือตัดสินใจ ในสิ่งที่เราฟุ้งซ่านไป อย่าพึ่งไปตัดใจ หรือตัดสินใคร เพราะมันเป็นสิ่งที่เราเห็นเพียงน้อยนิดเท่านั้น ความจริงหรือไม่ เราไม่อาจรู้ แต่ คิดแล้วต้องมีสติ อย่าพึ่งพูดออกไป เพราะคิดมันห้ามยาก แต่พูดออกมามันห้ามง่าย เงียบไว้ ถ้าไม่มั่นใจ เป็นคนพูดน้อยดีกว่าเป็นคนพูดมาก...
เรามองคนอื่นแล้วเราก็ใส่จินตนาการของเรา จะเป็นความรู้ผสม เขาเล่าว่ามาร่วม แต่มันก็เป็นมุมมองของเรา มองจนคิดไปผิดแผกจากความจริงไปไกล คิดไปจนมันลวงตาลวงใจ แท้จริง เราควรมองแล้วปล่อยมันดำเนินไป ตามทางของมัน คิดไปเอง ส่วนมากคิดผิด อย่าท้าทายมัน RIZlook
เราต้องทำในสิ่งที่เราไม่ชอบทำ เพราะเพื่อความสบายใจของคนอื่น แต่ถ้าเราทำตามใจตัวเอง คนอื่นก็จะไม่สบาย แล้วเราละครับ จะหาความสมดุลย์ได้อย่างไร จะไม่ยอมเลยก็ไม่ได้ แต่จะยอมทุกครั้งก็ไม่ไหว บางทียอมบ้างไม่ยอมบ้าง ก็เหมือนกระด้างกันไป หาทางเองครับ มันไม่มีคำตอบ แต่อย่างไหนเหมาะสม กับองค์ประกอบต่างๆ เงื่อนไขของคน เงื่อนไขของสถานที่ เงื่อนไขของเวลา เงื่อนไขของความเหมาะสม เพราะถ้าเรายอมไปอย่างเดียว อาจจะเกิดปัญหาหรืออันตรายได้ แต่ถ้าเราแข็งอย่างเดียว กับเรื่องเล็กๆที่เรายอมๆกันได้ ก็ควรยอมๆไปเถอะ ไม่เสียอะไร RIZcomfort