งานเปลี่ยนต้องปรับ

งานเปลี่ยนต้องปรับเป็นสัจธรรม ที่ทุกคนต้องเข้าใจ ทุกอย่างมีเวลากาลของมัน วันนึงมันอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสนใจ และอีกวันมันอาจจะเป็นสิ่งที่คนขาดมันไม่ได้ แล้วมันก็ย้อนกลับสู่สิ่งที่ไม่มีคนสนใจ เป็นวงจรชีวิต หน้าที่รับผิดชอบหลักๆแล้วคงไม่ได้เปลี่ยน เพราะความรับผิดชอบมันเป็นองค์รวม แต่เนื้อหางาน และวิธีการทำงานต้องเปลี่ยนแน่ๆ ยิ่งเทคโนโลยีเข้ามา ยิ่งสิ่งต่างๆมีผลกระทบกันคน คนที่ทำงานด้วยกระดาษแม้ว่าเก่งแค่ไหน เมื่อสู่ยุคไร้กระดาษ แล้วเราเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ ก็ไม่รอด และมันรวดเร็วจนถ้าเราไม่ปรับ เราตกยุคก่อน และถ้าเราเป็นลูกจ้าง ก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีความจำเป็นที่บริษัทต้องเก็บไว้ในเวลาปัจุบัน ถึงแม้ว่าเราจะเคยโดดเด่นและทำดีมาแล้วก็ตาม เพราะงานต้องทำ ใข้ได้ ไม่ใช่เคยทำได้แล้วทำไม่ได้แล้ว...

ถึงความรู้ฟรี มันก็ใช้ประโยชน์ได้

ความรู้สมัยนี้ ไม่ค่อยมีขอบเขตจำกัด เพราะเรามี internet เป็นที่ไว้สืบค้น และแลกเปลี่ยนความรู้กันสำหรับผู้คนที่มีจิตสาธารณะ แต่แน่นอน คนค้นหา คนอ่านก็ต้องมีความรู้ในการค้นหาหรือใช้องค์ความรู้ด้วย ถึงจะได้เอามาใช้ได้ถูกต้อง หรือเพิ่มพูน อย่าไปกลัวว่าความรู้ฟรีมันจะไม่ดีจริง เพราะความรู้เสียเงินไม่ดีก็เยอะแยะไป ฟรีก่อนก็ได้ หาไม่ได้ค่อยหาแบบจ่ายเงิน RIZknowladge

อย่าติดความสบายจนเคยตัว

ชีวิตมีขึ้นมีลง บางคนลงก่อนแล้วขึ้น เปรียบเหมือนคนไม่มี แล้วมามี เมื่อมีแล้วสิทธิของการมี เราก็ทำอะไรได้มากขึ้น รวมถึงความสดวกสบาย หากเราจนมาก่อน แล้วมีเงิน เราก็จะใช้เงินซื้อความสบาย ซื้อสิ่งที่อยากได้ และถ้าชีวิต จากขึ้น แล้วมาลง สิ่งที่เคยมี หายจากไป จริงๆมันก็อยู่แหละ แต่เราไม่สามารถไขว่คว้ามาได้ ตอนช่วงนี้แหละ ต้องสู้กับจิตใจตัวเอง ที่เคยอยากได้อะไรได้ ที่เคยสบาย กลับกลายว่าต้องกลับมาเป็นเหมือนคนทั่วๆไป ที่ไม่ได้มี ถ้าเราคิดว่า...

เตรียมความพร้อม เพราะเวลาพร้อม แล้วเราไม่พร้อมไม่ได้

ไอเดียอะไรก็ตามที่ดี ก็ต้องลองสักหน่อย แน่นอนว่าบางที ไอเดียดีๆ อาจจะมาเร็วเกินไป แต่ถ้าจะรอให้เวลาพร้อม เวลามาถึงแล้วเราค่อยทำ ก็ไม่ทันกิน ยิ่งถ้ามีคนอื่นมาก่อนแล้วนั้น เราก็ยากที่จะตามทัน เราต้องลองสักหน่อย ลองให้รู้ ถ้าเจ็บก็อย่าให้เยอะ เมื่อรู้แล้ว พอถึงเวลา จะได้ทำได้เลย ไม่ต้องรอ ทันกินแน่นอน RIZready

อย่าคุยว่าเราดี เพราะเราดีคิดคนเดียว

คนเราชอบทำอะไรดีๆ แต่บางทีดีไม่เป็นเรื่อง เพราะคิดไปเอง มันก็เพราะประสพการณ์ที่สอนเรา แต่เราอย่ายึดถือแบบนั้นเป็นแบบตายตัว เพราะตายตัวคือตัวตาย เราว่าดี ถ้าคนอื่นไม่ว่าดี เราจะเถียงไหม ถ้าเราเถียงมันจะดีจริงไหม ถ้าดีจริง แล้วคนอื่นจะคิดเหมือนเราไหม จะทำอะไร ต้องดูสถานการณ์ สงบไว้ก่อน ดูให้รู้ มองให้ขาด ไม่ช้าไปหรอกครับ ถ้าจะตัดสินใจ ลงมือทำอะไรสักอย่าง ที่ว่าคิดนาน อาจจะแค่แว๊บเดียวก็ได้ RIZifimgood

อยู่ที่เราเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขาย

ผู้ซื้อก็อยากซื้อของให้ถูกที่สุด ผู้ขายก็อยากขายให้ได้ถูกที่สุด แต่ถ้าผู้ซื้อพบผู้ขาย จะขายให้ได้ มันไม่ใช่อยู่ที่โก่งสุดแล้วขายไม่ได้ มันต้องขายได้ ดีที่สุดเท่าไรมากกว่า ถ้าแต่ละคนยอมกันมันก็หาตตรงกลางได้ แต่ถ้าคนไม่ยอมกัน เราหย่อนให้หน่อย เราก็ขายออก ดีกว่าขายไม่ออก เราเป็นคนขาย สำคัญว่าต้องได้เงินกลับบ้าน มากน้อย ไม่ใช่เรื่อง ขาดทุนอาจจะจำเป็น แต่ต้องกำเงินกลับบ้านให้ได้ เราต้องเข้าใจทั้งใจเขาใจเรา เมื่อเราเป็นผู้ซื้อ อย่าให้ผู้ขายตาย และถ้าเราเป็นผู้ขาย อย่าโก่งราคาให้สุดโต่งจนขายไม่ได้ อยู่ที่เราจะขายให้ได้ มันก็ต้องยอมหน่อย...

สร้างความสมดุลย์

บางที เวลาผมทำงานหนักๆ หรือเจองานหนักๆ ผมก็ถามตัวเองนะครับ ว่าทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไร ถึงแม้ว่าตอบเร็วๆ จะได้คำตอบที่ถูกต้อง และไม่ถูกใจบ่อยครั้ง แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะทำ บางที ถ้าคิดตามตรรกะ มันไม่ควรทำครับ เพราะการเขย่งขา ไม่ได้ทำให้งานออกมาดี เพราะ โอกาสพลาดจากการเขย่งเท้ามันสูง แต่มันก็อยู่ที่อัตราเดิมพันด้วยครับ เพราะมองว่า ถ้าสำเร็จ เราก็ยกระดับไปอีกขั้น แต่ถ้าทำไม่ได้ เราจะได้แค่ความรู้ แลกกลับเวลาที่เสียไป คุ้มไหม...

ไม่มีใครทำอะไรได้ดีในครั้งแรก

ไม่มีใครทำอะไรได้ดีในครั้งแรก ฉนั้นมันต้องค่อยฝึกฝน ส่วนพวกที่ทำได้ดีเลย ถ้าไม่เก่งจริง ก็เรียกว่าฟลุ๊ก คนกลุ่มนี้มีส่วนน้อย แต่ใครๆก็ชอบอ้างถึงจนดูราวกับว่าพวกนี้มีเยอะ อย่าสับสนระหว่างความจริง กับนิยายการตลาดหลอกคนเลย เพราะถ้าอะไรทำได้ง่ายๆ คนประสพความสำเร็จหมด โลกเราก็ไม่เป็นอย่างอยู่ ที่แน่ๆ มีคนเก่ง ไม่มีคนจนให้90%ของโลกนี้หรอก ไม่ต้องตกใจ เราจึงต้องพัฒนาการมันเรื่อยๆ จากไม่เป็น จนเป็น จากเป็น จนเก่ง จากเก่ง จนเป็นหนึ่งได้ ไม่ง่าย ไม่ได้ทุกคนหรอกที่จะประสพความสำเร็จ...

อย่าผูกติดปัญหาไว้กับคน

จริงอยู่ คนคือทรัพยากรที่มีคุณค่าสูงมาก หากเขาเหล่านั้นทำในสิ่งที่เราคาดหวัง ถึงแม้ว่าเราจะคาดหวังให้คนทำสิ่งที่เราอยากให้ทำ แต่ผมก็เชื่อว่าปัญหาใหญ่ก็เกิดมาจากคนนี่แหละ คนที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจดีพอ หรือคนที่ไม่มีวินัย จะสร้างความเสียหายให้กับองค์กรได้มากทีเดียว ซึ่งถ้ามีปัญหาแล้วมันผูกกับตัวคน มันก็แก้ยาก เพราะมันเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ถ้าแก้ปัญหาด้วยปัญหาแล้วนั้น คนก็ไม่เกี่ยว อันนี้อยู่ที่ฝีมือเราแล้ว ว่าจะเคาะแม่นแค่ไหน RIZknot

อยู่ที่เราคิดว่าเราเป็นอะไร มันเปิดโลกมากกว่าทำ

ผมชอบความคิดของปากกา มองบลังค์ จริงอยู่ ถ้าบอกว่าปากกา ความคิดของเรา ถูกๆก็มี และเราคิดว่ามันก็ควรจะถูก แต่ถ้าเราอยากทำปากกาดีๆ แล้วบอกว่า มันคือปากกาดีๆ มันก็เพิ่มค่าไม่เท่าไร มันก็แค่ ปากกาด้ามหนึ่ง ที่ดีๆ อันนั้นคือสิ่งที่คนคิด แต่ถ้าเราบอกว่าเราไม่ใช่ปากกาละ ถึงแม้จะเขียนได้เหมือนกัน อย่างที่มองบลังค์บอกว่า เขาเป็นเครื่องมือการเขียน มันเป็นนิยามนึงที่เราก็เข้าใจ และแยกตัวเขาเองจากปากกา ก็จริงอยู่เราก็มองมันคือปากกานี่แหละ แต่ถ้าไปถามมองบลังค์ เขาก็บอกว่าเขาไม่ใช่ เพราะสิ่งที่เขามอบให้...