มืออาชีพมันทำได้ทุกสถานการณ์

เวลา บอกว่าใครเป็นมืออาชีพ เรามักมองว่าเขาทำได้ตามที่เราคาดหวัง มันก็ใช่และไม่ใช่ นั่งคุยเรื่องการลงทุน ถ้าเราเป็นมือสมัครเล่นเวลาไม่ดี เราก็ไม่ลงทุน แต่ถ้าคุณเป็นมืออาชีพ ยังไงคุณก็ต้องลงทุน จะแย่แค่ไหน เพราะอาชีพของคุณคือการลงทุน ยังไงก็ต้องทำ และถ้าหากคุณเป็นผู้รับจ้างการลงทุนแล้ว คุณก็ต้องทำ แม้จะมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน มากบ้างน้อยบ้าง ผิดพลาดบ้าง ก็ต้องยอมรับและแก้ปัญหาไป แต่เมื่อเป็นงานคุณต้องทำ ไม่ทำไม่ได้ บอกว่าไม่ดีแล้วไม่ทำไม่ได้ แล้วจะรอดีๆค่อยทำ มันไม่ได้ ต้องทำครับ ต้องทำ...

อย่าลดคุณภาพ

ผมเห็นร้านดีๆ ต้องปิดตัวไปเพราะคนไม่เข้าเหมือนเดิม ไม่เหมือนช่วงแรกๆ ที่คนแน่นขนัด เพราะเขามั่นใจในคุณภาพของเรา เราต้องแยกกลุ่มลูกค้า ลูกค้าที่จะไปหาของถูก ที่ไหนที่ถูกกว่า เขาจะไป แต่ลูกค้าที่ซื้อด้วยการบริการ และคุณภาพ และความสมเหตุผลแล้วนั้น เขาจะอยู่ แม้ในช่วงเศรษฐกิจแย่ๆแบบนี้ ลูกค้าก็อยากจะจ่ายน้อยลง เราก็ต้องช่วยเขาครับ คือการช่วยตัวเอง หาลดต้นทุนการบริหารอะไรได้ก็ควรลด แต่เรื่องเดียวที่ห้ามลดคือ คุณภาพ ลูกค้าซื้อเราเพราะคุณภาพ หากเราลดคุณภาพแล้วนั้น มันก็หมดโอกาสของเรา เพราะเราจะไปแย่งลูกค้าจากพวกที่เน้นราคา หากได้เงินก็จริงอยู่...

ใช้ของดี ถ้ามือไม่ถึงมันก็ไม่ดี

หลังๆ มีโอกาสไปร้านอาหาร แต่ละร้าน ก็ชอบโปรโมทว่าเขาใช้วัตถุดิบที่ดี บางที่ ระดับพรีเมียม ซึ่งวัตถุดิบมันก็แพงขึ้นไปอีก เวลาจ่ายบิลทีซีดเลยทีเดียว แต่พอทานเสร็จก็ชอบมาคุยว่า อร่อยไหม บางทีก็โอเค บางทีก็ไม่ได้เรื่อง เราก็นั่งคิดว่า ขนาด วัตถุดิบดีขนาดนี้ ยังไม่อร่อยเลย ปัญหามันไม่น่าจะเกิดจากวัตถุดิบ ถ้ามันมีคุณภาพระดับพรีเมียมอยู่แล้ว มันคงอยู่ที่คนปรุงแน่เลย ไม่รู้มีประสพการณ์หรือรสนิยมแบบไหน ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ทานไม่อร่อย ขนาดของดีนะครับเนี่ย พอสรุปที่ว่าของดีต้องให้คนมีฝีมือทำได้ มันจะได้เข้าใจ มองวัตถุดิบแล้วรู้ว่าต้องทำอะไรแบบไหน...

ต้องสำเร็จเท่านั้น ถึงจะเข้าใจในสิ่งที่เราทำ

สิ่งที่เราทำ อาจจะเป็นเรื่องที่คนอื่นมองไม่ถึง คนอื่นถึงสงสัย คิดไม่เหมือนกัน นั่นแหละครับเป็นเหตุขึ้นมา คนเราจะไม่ยอมรับในสิ่งที่แตกต่าง เพราะสิ่งที่จะทำให้เขาเข้าใจได้ เราต้องทำให้สำเร็จ ประสพความสำเร็จเท่านั้น ที่จะทำให้คนยอมรับ เปิดใจ เปลี่ยนใจได้ มุ่งมั่นครับ อดทนครับ ทำสิ่งที่เราคิดว่าใช่ แล้วพิสูจน์มัน RIZsuccessonly

สิ่งสังเกตถ้าเราทำอะไรใหม่ๆ

ถ้าเราจะทำ ที่ไม่เคยมีมาก่อน จะระดับชุมชน ระดับเมือง ระดับประเทศ หรือระดับสากล คนส่วนใหญ่ก็ย่อมไม่ยอมรับอยู่แล้ว เพราะเขาไม่รู้ เขารู้อดีต เขารู้ปัจุบัน แต่ไม่รู้ไม่เห็นอนาคต การที่คนเขาดูถูกเรา เป็นเพราะเขาเป็นห่วงและหวังดี ที่อยากให้เราได้ดี ในแบบที่เขารู้ เช่น อย่าไปทำเลย ไม่มีใครเขาทำหรอก มันลำบาก ไปรับราชการดีกว่า มันก็ไม่ผิดหรอกครับ แต่มันขัดแย้งกับความรู้สึกเราแน่ๆ เพราะสิ่งที่เราจะทำ ถ้ามีคนเข้าใจ และเห็นด้วย...

เวลาจะบอกเองว่าใช่หรือไม่

การทำธุรกิจ เราต้องมองไปถึงอนาคต เหมือนเราทายใจคนส่วนใหญ่ว่าจะเป็นแบบไหน เราจะได้ประมาณการณ์ได้ถูก ซึ่งตรงนี้แหละครับน่าสนใจ เพราะ บางอย่างเรารู้ เราก็ต้องเตรียมการไว้ก่อน แต่การเตรียมการมันต้องใช้เวลา แล้วเราก็ต้องกะให้มันตรงจังหวะนั้น ยากครับ ยากสุดๆ เพราะถ้ามาก่อน ที่เราลงทุนไป คนก็ยังไม่พร้อม ไม่ยอมรับ ทำไปก็เจ๊ง พอเลิกทำ จังหวะมา แล้วคนอื่นทำ มันก็ได้ก็ไม่ต้องแปลกใจ แล้วมาหลัง มันก็จะช้าไป จะบอกว่าเราคิดก่อนก็ไม่ได้ เพราะสังคมก็ไม่รับรู้ว่ามาก่อนมาหลัง...

อยู่กับคนเก่ง อย่าไปกลัว เรียนรู้ได้

เราอยากจะเก่ง เรามีไอดอล แต่จะให้เราพยายามแบบไม่มีอะไรเลยสักอย่างมันจะเหนื่อยไป เราต้องไปหาคนเก่งๆ สังเกตเขา ขอความรู้จากเขา ไม่ต้องกลัวเขาจะไม่บอก คนเก่งส่วนใหญ่บอก ส่วนพวกไม่บอก ถ้าใจไม่แคบก็เก่งไม่จริงๆ เรียนรู้จากพวกนี้ เราว่ามันไปได้เร็วกว่า มันไม่ได้มาจากหนังสือ แก้กันหน้างานให็เห็นๆเลย ว่าพวกเขาคิดอย่างไร เจอจากปัญหาตรงๆ มันเร็วกว่าครับ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องแอบไปงมเข็ม เอาแบบนี้แหละ ง่ายดี RIZwhenwemet

ใบวุฒิการศึกษา

การเรียนของคนเรามันไม่มีวันจบหรอกครับ เพราะของใหม่ มันก็มีมาเรื่อยๆ ของเก่าก็ตกยุคกันไป และของที่ตอนนี้ยังไม่มี ในอนาคตเดี๋ยวมันก็มี แต่การศึกษานั้นมันได้กับตัวเองเป็นหลัก ไม่ว่าจะศึกษาอะไรก็ตาม แต่หากคนอื่นอยากรู้ เราก็ต้องมีอะไรสักอย่างที่แสดงออกว่าเรารู้ เพราะ คนอยากรู้ ไม่ได้รู้จักเรา ถ้างั้นเลยมีความจำเป็นที่เราต้องมี สิ่งที่แสดงออกว่าเรามีความรู้ เช่น ปริญญา ตรี โท เอก ก็ว่าไป ใบวุฒิบัตรการอบรมต่างๆ หรือเรียนวิชาต่างๆ อย่างน้อยสิ่งพวกนี้ ทำให้คนอื่นมองเราว่า...

คำตอบมันไม่ได้มาทุกวัน

คำตอบที่เราเจอถามนั้น จะจากงานหรือเรื่องส่วนตัว ในชีวิตนั้นมันไม่ได้มาทุกวัน จะเร่งให้เจอหรือเร่งให้มันมาไม่ได้ เพราะเดี๋ยวมันก็มาเอง และบางทีไม่ต้องทำอะไรเลย บางครั้งปัญหาก็คลี่คลายไปเอง จะด้วยจากปัจจัยบาง อย่างเปลี่ยนไป จะจากภายนอกหรือภายใน จริงๆมันมาทีละนิดแหละ แต่เราไม่รู้ว่ามันมา เพราะเราคาดหวังมากกว่านั้น แต่พอมันได้ที่ถึงเวลา สะสมจนตกผลึก แล้วมันก็โผล่ขึ้นมาเอง ปิ๊งเลย การหาคำตอบไม่มีสูตรตายตัวเหมือน คณิตศาสตร์ มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ และที่สำคัญมันต้องใช้เวลา RIZanswer

คุณสมบัติของ “ความเงียบ”

ในขณะที่คนเราแย่งกันพูด เหมือนใครพูดมากที่สุดชนะ เหมือนพยายามพูดให้อีกฝ่ายรู้ในสิ่งที่เขาคิด หรืออยากให้คิด แต่เห็นบ่อย มันคือการยัดเยียดพูดในสิ่งที่บางที คนฟังก็ไม่ได้อยากรู้ หรือพยายามคิดว่า เขาควรต้องรู้ในสิ่งที่เราพูด แต่สิ่งที่ดีที่สุด ก่อนทืี่จะพูดมากไป เราต้องฝึกเงียบก่อน เพราะตอนที่พูด มันจะใช้สมองคิดได้น้อยกว่า เวลาเงียบ เมื่อเงียบแล้วคิด พูดเฉพาะที่จำเป็นต้องพูด เข้าประเด็น อธิบาย ยกตัวอย่าง ถามความเข้าใจ มันพอแล้ว ไม่ใช่พูดไปเรื่อยๆจนกว่าหมดเวลา หรือไม่ได้ให้คนอื่นพูด RIZsilent