ความเจริญทางวัถตุนำความเจริญทางจิตใจไม่ได้

ความก้าวหน้าในทุกวันนี้ จะว่ากันเป็นเทคโนโลยี มันก็ล้ำหน้าและรวดเร็ว บางทีมันเร็วจนเกินไป ที่ผมกล่าวว่ามันเกินไปเพราะ คนยังไม่ได้ทันที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ มันก็มีอะไรใหม่ๆมาอีก ผมเองก็ไม่ได้บอกว่าเจริญช้าๆแล้วมันดี ผมแค่อยากบอกว่ามันต้องมีความสมดุลย์ ของมันด้วย ถ้าเราสร้างปืนมา แต่เอามาให้คนที่ไม่รู้ค่าความหมายของมัน ไม่ได้เข้าใจแก่นแท้ที่ถูกต้องแล้วนั้น ดันทะลึ่งมาพกเล่น ยิงกันไปยิงกันมา มันก็จะเกิดโศกนาฏกรรม ระห่ำกัน บ้านป่าเมืองเถื่อนนั้น มันคือวิธีคิดเป็นหลัก ถ้าคนเราไม่พัฒนาจิตใจให้เร็วพอ เราก็ควรจะชะลอพัฒนาทางกายภาพอำนวยความสบายที่จะเอามาแก่สังคม ถ้าจิตใจคนพัฒนา จะก้าวหน้าล้ำสมัยหรือไม่ คนเราก็อยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุข RIZcivilization

สูตรสำเร็จ ใช้ไม่ได้

เราต้องแยกความเป็นพื้นฐานกับสูตรสำเร็จ หลายคนคิดว่า เรียนมาแล้วจะรู้ แล้วจะทำได้ มันก็ไม่ใช่ เพราะมันเป็นความเข้าใจในงานจริงๆ หลายๆคนถามถึงสูตรทำอย่างไร ให้ประสพความสำเร็จ เรานั่งฟังเขา เราจดตามที่เขาบอก เราทำตามเขา แล้วเราก็ทำไม่ได้ ทั้งๆที่เขาก็ทำแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้ปิดบังอะไรเรา เราดันไปโกรธเขา ก็ใช่เรื่องอยู่ จริงๆคงเป็นความเข้าใจผิดว่า และคิดง่ายไปว่า เรารู้แล้ว เราจะทำได้ โดยง่าย ของแบบนี้ มันมีเงื่อนไขแตกต่างกัน เวลาแตกต่างกัน สถานะและการยอมรับแตกต่างกัน...

อย่าเหนื่อยแบบโง่ๆ ด้วยความหวังดี

ตอนทำงาน เราต้องเป็นมืออาชีพ แต่ต้องอธิบายความเป็นมืออาชีพสักหน่อย จะตำแหน่งไหนก็ตามที จะต่ำยันสูง เราก็เป็นลูกจ้าง เราก็ต้องบริหารความคาดหวังตามที่นายจ้างหวังไว้ ถ้าเขาให้เป้าหมาย เราก็ทำให้บรรลุเป้าหมายตามทรัพยากรที่มี นั่นคือทำตามที่คาดหวัง และในสิ่งที่เป็นไปได้ ถ้าเราคิดว่าทำดีแล้วไม่หวังผลตอบแทน ผมว่าควรไปทำบุญอย่ามาทำงาน ถ้าเราทำงานมากกว่าที่ได้รับมอบหมาย ก็ต้องดูว่ามันเป็นทิศทางเดียวกับผู้จ้างคาดหวัง เพราะไม่งั้น มันเหนื่อยกับสิ่งที่เราคิดเองว่าดีๆ แต่นายจ้างของเราไม่ได้คาดหวัง ดีไม่ดี โดนด่าว่าโง่ด้วยซ้ำไป จะอดหลับอดนอน ถ้าทำไปเพื่อความคาดหวังที่ผู้จ้างหวังไว้ ใช่ครับดี แต่ถ้าทำงานข้ามวันข้ามคืนหวังให้บริษัทดี แต่ผู้จ้างไม่เข้าใจ...

การเข้าใจมันใช้เวลา แต่มันคือทางที่เร็วที่สุด

งานที่เราทำ ถ้าเราไม่เข้าใจ เราก็ทำๆไป โดยไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิด ทำเพราะคนอื่นบอก ระบบสั่ง ถึงแม้จะถูกต้อง แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าถูกหรือเปล่า หรือมันผิด แต่ถ้าเราไม่มีปัญหาอะไร มันก็ไปต่อของมันได้ แต่ใช่หรือเปล่า แต่เราก็กลัวว่าเราจะเสียเวลา เพราะใจก็อยากทำแล้วได้เลย แต่มันเป็นไปได้ยาก แต่คิดดีๆแล้ว การทำแล้วแก้ ทำแล้วแก้นั้น มันก็เสียเวลา แม้ในช่วงแรกอาจจะดูว่าเร็ว แต่ตอนจบมันก็ไม่เร็ว ช้าอยู่ดี แต่ถ้าเราเข้าใจว่าแรกๆยอมเสียเวลาหน่อย เรียนรู้ให้มากหน่อย ยอมปล่อยให้คนอื่นบ่นหรือแซงเราไปก่อนแล้วนั้น...

กฎของการก้าวหน้า ต้องทิ้งหลัง

สำหรับคนที่ก้าวเดินไปข้างหน้า ย่อมจากเบื้องหลังไป เราไม่สามารถจะเอาสิ่งที่อยู่แบกไปต่อในอนาคตได้ จะเนื่องด้วยสิ่งของมันพะรุงพะรัง หรือจำเป็นแค่ไหน เราก็เอามันไปไม่ได้ สำหรับบางคนที่ยึดติด เขาก็จะกอดเกาะสิ่งนั้นไว้แน่นๆ จนไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ แม้ว่าใจเขาอยากจะก้าวแค่ไหนก็ตามที แล้วมาถามว่าทำไมไปไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่ได้มองมือตัวเองว่าเกี่ยวอะไรอยู่บ้าง การที่จะไปข้างหน้า ต้องสังเกตมือ สังเกตใน ว่าเราปล่อยมือปล่อยใจ แล้วพร้อมจะก้าวต่อไปหรือยัง ถ้ายังห่วงหลัง มันก็ไม่ได้ไปหน้า แต่ถ้าปล่อยแล้วหลังจะเป็นยังไงก็ช่าง ก้าวไปหน้าแบบนี้ไม่ต้องห่วง RIZstep

สำคัญกว่าเตรียมตัว ก็เตรียมใจนี่แหละ

การที่เราเตรียมพร้อมจะเดินทางไกล เราคงการเตรียมอุปกรณ์ เตรียมเครื่องอำนวยความสดวก ทำเช็คลิสหาข้อมูล อะไรก็ว่าไป อย่างมากกว่านี้ ก็เตรียมร่างกาย ให้ฟิตซ้อมเป็นอย่างดี แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะการเดินทางใกล มันต้องมีใจ ถ้าใจไม่พร้อม อุปกรณ์พร้อม ร่างกายพร้อม เราก็ไม่ได้อยากก้าว การจะก้าวไป มันต้องรู้สึกได้ รู้สึกหิว รู้สึกอยาก แล้วมันจะไปได้เอง โดยไม่มีใครบังคับ RIZprepare

เวลาทำงาน ควรคิดว่าผู้อื่นมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรา

เวลาเราเป็นคนขาย เราก็มักจะพยายามมองแต่ตัวเอง พยายามขายมันเข้าไป ถ้าขายได้มาก และขายได้แพง เป็นดี แต่นั่นมันไม่ยั่งยืนเลย ต้องไปหลอกคน ตีหัวเข้าบ้านตลอดเวลา ช่วงจังหวะมาก็เอาแบบไม่รู้ตัว พอจังหวะไป ไม่มีคนสนใจ ก็ชอบมาถามว่าทำอะไรผิด ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองทำอะไรบ้าง เรียกว่าเห็นแก่ตัวได้มากที่สุด แต่หากเราคิดถึงความยั่งยืน หากเราอยากกินอาหารดีๆ และเราทำอาหารขาย เราจะขายของแย่ๆให้คนอื่นหรือไม่ และถ้ามีคนขายของไม่ดีให้เรา ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เราจะซื้อเขาเหรอ ใจเขาใจเราครับ มันหาความสมดุลย์ได้ระดับหนึ่ง ถ้าทุกอย่างที่เราทำ...

คนเราสร้างสรรค์ประโยชน์ แต่ใช้มากไปมันเป็นโทษ

เราพยายามสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มาเพื่อทำให้ชีวิตสดวกง่ายขึ้น คิดค้นทั้งเครื่องจักรยนต์กลไก และวิธีการต่างๆ ซึ่งกว่าจะคิดออกมาได้ มันก็ต้องลองผิดลองถูก เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ของมัน พอสิ่งๆดีๆ สิ่งมีประโยชน์นี้ เป็นที่รู้จักอันแพร่หลาย แต่มันก็ย่อมมีคนที่คิดไม่ถึง คิดไม่เป็น เอามันมาใช้ผิดจุดประสงค์ของผู้ที่คิดค้น เอามาใช้มากไป เอามาใช้จนงมงาย เอามาใช้ไม่ประมาณตน ผมยกตัวอย่าง delivery มีส่วนช่วยให้ชีวิตมันง่ายขึ้น เราไม่ต้องรถติด เพื่อออกไปหาสิ่งที่อยากทาน ไม่ต้องไปต่อคิว ซึ่งมันก็มีค่าใช้จ่ายต้องแลกเปลี่ยนสิ่งที่เสียไป แต่มันก็คุ้มนะครับในบางครั้ง ถ้าเทียบกับให้เราต้องไปทำเอง...

งานจะง่ายขึ้น ถ้าสร้างเงื่อนไขให้น้อยลง

ที่ผมชอบความเรียบง่าย จนเหมือนแทบจะไม่มีอะไรเลย ในการขับเคลื่อน หรือทำงานนั้น เพราะมันง่ายที่จะทำ สมัยก่อน เวลาได้งานมา เราก็ต้องใช้เวลานั่งขบคิดปัญหา ถ้าแก้ไขด้วยเนื้องานแล้ว มันก็ไม่เท่าไร แต่ที่มันเป็นปัญหาคือ บางทีเราก็ไม่ได้ชอบวิธีการ ไม่ชอบคน ไม่ชอบเวลา สร้างสิ่งต่างๆให้เป็นเงื่อนไขตลอดเวลา พยายามจะปรับทุกสิ่งทุกอย่างให้เข้าหาตัวเอง ให้ตัวเองสบายที่สุด ซึ่งมันไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาของงานแล้ว เมื่อรู้แล้ว สิ่งที่ควรทำคือ แก้ปัญหาตัวเอง ให้หนักเบาเอาสู้ มุมานะ เอางานที่ง่ายที่สุด ที่ไม่เอาตัวเราเข้าเป็นเงื่อนไข...

อย่าไปหลงเทคโนโลยี ให้สนใจวิธีการจัดการ

หลายๆคนที่ทำอะไร แล้วไม่ประสพความสำเร็จนั้น อาจจะมีเรื่องที่ผมจะพูดถึงบ้าง ลองคิดตามดูครับ หลายๆคน สนใจเรื่องเทคโนโลยี เรื่องของความทันสมัย และคิดว่า มันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ พยายามใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ยัดมันลงไป อะไรดีเด่นดัง ยัดให้หมด จนคิดว่ามันสุดยอดที่สุดแล้ว พอถึงเวลานำเสนอสินค้าหรือบริการ กลับไม่มีคนสนใจอย่างที่หวังไว้ เพราะมันทันสมัยเกินไป ยุ่งยากเกินไปสำหรับคนหมู่มาก มันคงสนุกสนานเฉพาะคนในกลุ่ม และมันเล็กเกินไป และที่สำคัญที่คิดว่า ตอบโจทย์ มันไม่ตอบโจทย์ แล้วเขาก็ล้มเลิกความคิด ยอมแพ้ไป...