ไม่มีปัญหาจะก้าวหน้าได้อย่างไร

เจ้านาย เวลามองลูกน้อง คงไม่ได้มองว่าลูกน้องทำงานได้เรียบร้อยอย่างเดียว เพราะบอกแบบนี้ จะดูเหมือนอุดมคติไป เพราะในชีวิตจริงๆ แม้ว่าเตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว ก็เชื่อว่า มันต้องมีปัญหาไม่มากก็น้อย และปัญหานี่แหละ จะแยกคนเก่งกับคนไม่เก่ง คนที่ไม่เก่ง ก็จะหนีปัญหา หรือรอคนมาช่วยแก้ปัญหาเพราะปัญหาไม่ใช่เหมือนธุระไม่ใช่ แต่คนที่เจอปัญหาแล้วแก้ได้ เขาก็จะมีภูมิคุ้มกันปัญหา ไม่ว่าจะเจอมาแบบไหนท่าไร เขาก็จะเอาอยู่ เมื่อเอาอยู่ปัญหาได้รับการแก้ไข มันก็จะไม่เป็นปัญหา ใครๆก็อยากมีชีวิตราบเรียบ จนเป็นเรื่องราบรื่น มันไม่มีทางหรอกครับ แก้ๆไป เราจะได้แตกต่าง...

ทำงานทางเร็วสุดคือ ตรงประเด็นหน่อยครับ

สังคมสมัยนี้ เราถูกล่อลวงด้วยสิ่งที่ทำให้เราต้องเสียเวลามากมาย เมื่อเราทำงานอะไรสักอย่าง หรือจะไปไหนสักที่ มีโฆษณา มีป้ายโน่นนี่ หรือข่าวประกาศ เราจะมีสิ่งรอบตัวรอบกายที่คอยกวักเรียกเราให้แวะอยู่เสมอ แม้ว่าเรานั่งเฉยๆ เรายังมีมือถือไว้เล่น จะเล่นเกม หรือจะคอยเช็คบ่อยๆว่ามีใครติดต่อเราไหม ของพวกนี้ ทุกๆอย่าง ถ้าเราจะทำงาน มันไม่จำเป็นทั้งนั้น ถ้าเรามุ่งมั่นไปกับงาน จะใช้สิ่งต่างๆ เมื่อจำเป็น มันจะเป็นทางที่เราทำงานได้เร็วที่สุด ไม่งั้น เราจะเสียเวลาไปกับอะไรบ้าง ที่ไม่ใช่เรื่องงาน … เยอะครับ...

แสดงความคิดเห็น ต้องรู้จักจังหวะ

คนเรามันก็เป็นอีลูกช่างตินะครับ เห็นจุดไม่ดีของคนอื่นนี่โดดเด่นกระแทกตา บางที มันก็อดไม่ได้ ที่จะพูดออกมา จะเป็นในการแสดงความคิดเห็น แนะนำหรือสั่งสอนก็ตามที แต่เราต้องเข้าใจสังคมไทยด้วยนะครับ ทำดีแต่อย่าเด่น เดี๋ยวจะเป็นภัย อันนี้ไม่ได้หมายถึงว่า อย่าทำ หรือห้ามเด่นนะครับ เพียงแต่ ทำอะไรต้องรู้จักกาละเทศะ ไม่ใช่ จะแทรก สอด เข้าไปได้ บางทีมันไม่ใช่จังหวะ ก็โพล่งใส่เข้าไป ไม่โดนตีนก็โดนหมายหัวนะแบบนี้ เราต้องดูจังหวะอันเหมาะสมก่อน จะทำอย่างไร ที่จะถนอมน้ำใจ...

คนเราไม่ได้เก่งทุกอย่าง

คือจะบอกว่า คนที่เราเห็นว่าเขาเก่งๆ เราก็ชื่นชนในสิ่งที่เขาเก่ง สิ่งเดียวแหละครับ แต่เราคิดไปเอง ว่าคนที่เก่ง มันเก่งซะทุกอย่าง ไม่ใช่นะครับ เขาเองก็ไม่เคยบอกว่าเขาเก่งทุกอย่าง ก็แค่บางอย่าง แล้วเราก็คิดกันไปเองมากกว่า เรารู้ตัวเองว่าเราเก่งอะไร ไม่เก่งอะไรดีกว่า ส่วนที่ไม่เก่ง ก็ไปหาคนที่เก่ง หรือเก่งกว่าเรามาช่วย ขืนทำเองก็เจ๊งพอดี ถ้าอยากจะเก่ง อยากโชว์ซะทุกอย่าง เดี๋ยวมันจะไม่เก่งสักอย่าง เอาดีสักเรื่องมันก็พอแล้ว เอาทุกเรื่อง จะเอาเวลาไหนไปทำให้แตกฉาน อะไรที่ไม่ได้ ก็ให้คนอื่นเขาไป...

ไม่ทำวันนี้ จะทำวันไหนครับ

การที่คิดจะทำอะไรบางอย่าง สำหรับผมมันง่ายมากเลย สายตาสะดุดอะไร หรือคิดไปเพลินๆ มันก็ออกมาแล้ว แต่สำหรับตอนที่จะทำสิครับ ถ้าจะทำ มันกลับต้องคิดแล้วคิดอีก จริงๆมันก็ดีนะครับ แต่พอคิดไปคิดมา คิดถี่ถ้วน สุดท้ายกลับไม่ทำ จะบอกว่าคิดมากไป ก็ได้ แต่คนคิดมากๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ทำแหละครับ เพราะมันมากไปจนเห็นแต่ปัญหา คนที่จะเริ่มทำได้ส่วนใหญ่ต้องไม่คิดมาก เริ่มไปก่อน แล้วไปแก้ แต่บางคนเริ่มไปแล้ว ไม่ใช่ก็เลิกเลย ไม่ทันแก้ หมดแรงหมดใจไปก่อน ก็แล้วแต่คนครับ...

ไม่ใช่ทุกคนจะคิดเหมือนเรา และไม่ใช่เราจะคิดเหมือนทุกคน

เจอคนที่เป็นศูนย์กลางจักรวาล มันก็น่าเบื่อ ไม่น่าคุย เพราะเราคงได้แต่ฟังเป็นหลัก เราคงไม่ได้อะไร เพราะเราเองก็ไม่ได้คิดเหมือน และเขาคงคิดว่า ทำไม่เราไม่คิดเหมือนเขา ถ้าคนทั้งโลกคิดเหมือนกัน ทางคงชัดเจน แต่คงไม่มีอะไรก้าวหน้า แต่เพราะคนคิดไม่เหมือนกัน มันเลยมีปัญหา และความก้าวหน้า แต่สำหรับคนไม่เข้าใจ มันจะเป็นปัญหาให้ทะเลาะกันมากกว่า จากความคิดต่าง มากกว่าการใช้สมอง มันก็กลายเป็นอารมณ์ และกลายเป็นใช้กำลัง แค่จงระวังความคิดตัวเอง และอย่าไปคิดแทน และพยายามคิดตามคนอื่นบ้าง อย่าพึ่งแย้ง ค่อยแย้งตอนเราเข้าใจก็ได้...

ถ้าจะเรียนรู้ ต้องเรียนรู้จากของจริง

การเรียนรู้เป็นสิ่งดีครับ แต่ถ้าเริ่มต้นเรารู้อะไรผิดๆไป มันจะกลายเป็นฐานการเรียนรู้ และคงไม่ดีแน่ๆ เพราะเราไม่รูั้ แล่วรู้สิ่งไม่จริง และคิดว่ามันจริง นี่จะเป็นปัญหา เพราะแยกไม่ออก และถ้าวันนึงเรารู้แล้วว่าอะไรจริงไม่จริง เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หรือไม่ และจริงๆ เราก็ไม่รู้เลยว่าของจริงหรือเปล่า ถึงแม้ว่าเราเรียนรู้จากคนส่วนใหญ่ แต่เขาเหล่านั้นอาจจะมาแบบผิดๆก็ได้ และถึงเรารู้ว่าที่เราจะรู้ว่าผิด เราจะเปลี่ยนแปลงความเคยชินๆได้หรือเปล่า มันก็เป็นความท้าทายนะครับ ดีไม่ดีไม่รู้ แต่ถ้าเรามีวิจารณาณ และสติ ปัญญาเพียงพอที่จะตรึกตรอง มันก็คงจะดี ดีกว่า หลับตาเดินไปให้สุดลิ่มทิ่มประตู...

การสื่อสารข้ามวัย สิ่งแรกที่ต้องทำคือ

ปัญหาของการสื่อสาร ของคนต่างวัย มันมีแน่ๆ และมีตลอด เนื่องจากการรับรู้ ในแต่ละช่วงของการเรียนรู้ไม่เหมือนกัน และคนเรายิ่งแก่ตัว ยิ่งไม่อยากจะเรียนรู้ จะรุ้สึกไม่จำเป็นหรือหมดวัยก็แล้วแต่ แต่การที่เรารู้สึกว่าพอแล้ว อยู่ได้แล้ว มันก็เหมือนแก้วน้ำที่ไม่สามารถที่จะใส่อะไรลงไปต่อได้ และ เมื่อผู้ใหญ่ไม่อยากเรียนรู้ ต้องมาสื่อสารกับเด็กที่ตามสมัยตลอดเวลา ภาษาเดียวกัน ก็จะเริ่มตีความหมายไม่เหมือนกัน หรือเจอคำแสลงแปลกๆที่ไม่รู้มันคืออะไร จะบอกให้แต่ละข้างช่วยอธิบาย ให้แต่ละคนฟัง ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น และก็จบบทสนทนา ไม่ยอมจะรับรู้อะไรต่อแล้ว ตัดบทว่าไม่รู้เรื่องก็ไม่ไปต่อ แต่ถ้าจะคุยให้ได้...

เวลาที่เราสนุกกับการทำงานหามรุ่งหามค่ำ คนอื่นกลับมองว่าเราทุกข์

เวลาคนคิดไม่เหมือนกัน มันก็แปลกดีนะครับ เวลาเรามองคนอื่น เราก็คิดอะไรต่างๆนานา ของเราไปเรื่อย เรื่อยจนคุยเรื่องความสุขความทุกข์ เวลาเห็นคนทำงานหนัก มันเป็นเรื่องปกติ ที่คนทั่วไปอยากจะเลี่ยง แล้วคิดว่าคนทำงานหนัก มักจะทุกข์ ลำบาก แต่ก็เขาทำ เขาทน ถามเขาหรือยัง ว่าเขาคิดอย่างไร บางคนก็อาจจะจำเป็น แต่บางคน และคนส่วนใหญ่ มีความสุขกับการทำงาน มีความสุขจนทำมันทั้งวันทั้งคืน ไม่หลับไม่นอน มันไม่ใช่อย่างที่คิดสักหน่อย RIZseem

บางทีความเงียบงัน มันก็เพราะมาก

ปกติ เราจะได้ยินเสียงอยู่ตลอดเวลา เสียงพูดคุยจากการปฎิสัมพันธ์ เสียงที่รื่นรมย์ของธรรมชาติ เสียงที่สร้างเป็นบทเพลง ทุกอย่างที่ทำให้เกิดเสียง เพราะ บ้างน่ารำคาญบ้าง แต่มันก็ทำให้รู้ว่ามีอะไรอยู่ แต่พอเงียบไป มันจะไม่ชิน บ้างเราก็เรียกมันว่าความเหงา เราเลยต้องการเสียงมาเพื่อทำให้เราไม่เหงา เช่นเปิดเพลงฟังตอนอยู่ในรถ หรือฟังข่าวสาร ต่างๆผ่านทางสื่อต่างๆ หรือแม้กระทั่งคุยกับใคร เพื่อคลายเหงา เราเสพติดเสียงหรือเปล่า แล้วเอามันไปผูกกับความเหงา ถ้าเราไม่มีเสียง เราจะกังวล เลยต้องหาเสียงใส่ตัว จะดีไม่ดี มันก็ดีกว่าเหงากระมัง...