สิ่งที่ยากกว่ารู้ คือรู้แล้วบอกว่าไม่รู้

ผมแยกคนเก่งเป็นสองพวก คือ คนเก่งแล้วโชว์ กับคนเก่งที่ไม่โชว์ คนเก่งแล้วโชว์ เป็นพวกพึ่งเก่ง พึ่งรู้ ของมันคงร้อน เลยอยากอวดรู้ บางทีก็โชว์โง่ ก็แล้วแต่กันไป คนจะหมั่นใส้หน่อยๆ เพราะอวดรู้ แต่คนเก่งที่เก่งมานานแล้ว และคงโชว์มาเยอะแล้ว มันเลยตกผลึกว่า ไม่จำเป็นต้องบอกว่ารู้ทุกเรื่องก็ได้ การอยู่เป็นนั้น ต้องอยู่แล้วไม่ขัดแข้งขัดขาใคร ใครกำลังโชว์อยู่ อย่าไปเกทำ เดี๋ยวจะหมางใจกัน หมางมาก จะหมางเมิน เลิกคบได้...

การทำงานคือการประหยัดเงินที่ดีที่สุด

เวลาเจอคนบอกว่า ประหยัดๆหน่อย สิ้นเปลืองน้อยๆหน่อย หัดเหลือเก็บบ้าง อย่าฟุ่มเฟือย ผมว่า การประหยัดที่บอกข้างต้น คือการลดส่วนที่ปกติเคยใช้ แล้วใช้มันน้อยลง ใช่ครับ มันก็เหมือนเรากินใช้วันละ 100 แต่พอเราเริ่มประหยัดขึ้น ก็ใช้มันน้อยลง จะ 80 หรือ 60 หรือเก่งกว่านั้น 40 อะไรก็ว่าไป แต่พอประหยัด มันก็ลดสัดส่วนสิ่งที่ใช้ให้น้อยลงไป จนบางที กระทบส่วนที่จำเป็น...

สำหรับบางคนที่มีความสุขแค่นั้น

ผมเจอคนหลายคนที่รู้จักกันนะครับ ส่วนใหญ่เป็นคนเก่ง ความสามารถดี แต่อาจจะบ่นว่าอยากได้ดีบ้าง อย่างรวยบ้าง แต่พวกเขาก็ทำอย่างพอสมควร มีความสุขเท่าที่เป็นอยู่ ไม่กล้าที่จะทำมากกว่านี้ กลัวเหนื่อยขึ้น กลัวลำบากขึ้น กลัวเสียหาย กลัวต้องเริ่มต้นใหม่ สำหรับคนพวกนี้ ที่ผ่านมา ผมอาจจะไปเสือกชีวิตเขาบ้าง บอกว่า ทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพิ่มตรงนั้นนี้ แต่ที่ผ่านมา สรุปได้ว่า เขาพอใจที่เขามีแล้วแหละ เขามองแค่นั้นจริงๆ ที่อยากได้มากกว่านั้น คือมันลอยมาเอง จะด้วย...

ทำทุกอย่างเป็นขั้นตอน

งานจะใหญ่จะเล็ก มันก็ต้องมีการวางแผน ไม่ใช่ทำอะไรตามอำเภอใจ หรือไปแก้กันหน้างานอย่างเดียว ต่อให้คนเก่ง มันก็ได้ถึงระดับนึง มันจะไม่ได้ไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ได้มีหลักการที่ดี การทำงาน อยากให้วางเป้าหมาย แล้วก็ซอยรายละเอียดเป็นแผนงาน อะไรก่อนอะไรหลัง เป็นภาพวางไว้ก่อน เราจะได้รู้ว่าตัวเองทำอะไรไปถึงตรงไหน งานอะไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่ทำไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก มีแรงก็บุก มันดูขยันแบบเลื่อนลอย เมื่อเรารู้อยู่ตรงไหน เราก็มีทางไปที่ถูกต้อง ส่วนปัญหาหน้างานมี ก็แก้ไป ดำรงค์เดินไว้ในทางหลัก หลวมๆ...

จ่ายน้อยแต่ต้องการผลตอบแทนเยอะ มีจริงหรือ

จริงๆ ไม่เพ้อเจ้อหรอกครับ ที่จ่ายน้อยแต่ต้องการผลตอบแทนเยอะ มันก็มีจริงๆ แต่มันไม่ได้มีเยอะมากนัก เกลื่อนกลาด เหมือนที่ทุกคนพูดเอา ในเมื่อเราอยู่ในเรื่องสังคมทุนนิยม ของดีราคาถูก ย่อมมีเบื้องหลัง แต่มันไม่ได้มากจากความโชคดีแน่นอน แต่เอาเข้าจริงๆ ที่เราคิดว่าของดีราคาถูกนั้น มันก็มีความสมเหตุผล หรือมีการบิดเบือนในหลายเรื่องอยู่เหมือนกัน ความสมเหตุผลคือ คนขายอาจจะซื้อหรือผลิตมาเยอะ ทำให้ต้นทุนต่ำลง ทำให้ขายในราคาถูกลงกว่าแต่ก่อน ที่เรารับรู้มาได้ หรือการบิดเบือนคือ มีการ ทุ่มตลาดในบางช่วงเวลา ที่ขายต่ำกว่าทุน เพื่อผลประโยชน์บางประการ...

คนใจกว้าง

คนเก่งหลายๆคนที่ผมเห็น ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกคนนะครับ มักมีนิสัย ถือดี เห็นแก่ตัว จึงไม่เป็นคนที่น่าจดจำสำหรับผมสักเท่าไร ส่วนหนึ่งเพราะผมก็ไม่ได้มีกิจอะไรกับพวกเขา ผมเลยไม่จำเป็นต้องไปง้อ แต่ที่ผ่านหน้าผ่านไปผ่านมา ก็ทำให้รำคาญพอสมควร พอคิดว่าตัวเองเก่ง ก็แบ่งชนชั้น อันนี้เก่งความสามารถ แต่ไม่ได้เก่งความเป็นคน คนเรายิ่งเก่ง ต้องทำตัวยิ่งไม่เก่ง ยิ่งสูงต้องยิ่งทำตัวต่ำ ไม่งั้น คนไม่เก่ง มันก็หมั่นไส้ เก็บไว้ในใจ วันนึงรอนัดล้างตา คนเราเก่งไม่เก่ง แต่เราก็ต้องฝึกตนให้เป็นที่รัก ผมเห็นคนที่เป็นที่รัก...

ใช้คนให้ถูก

ถ้าเราเข้าใจในเนื้องาน เราจะรู้ว่า มีอะไร แล้วเราก็ไปหาคนที่เหมาะกับงานมาทำ อันนี้คือหลักพื้นฐาน แต่ที่เราเจอทุกวันนี้ คือเราเห็นแต่คนที่ใช้คนเก่ง (แต่ไม่เหมาะกับงาน) แล้วคิดว่าเขาทำได้ เราอยากได้คนเก่งๆ รอบๆตัว ใช่ครับ ใครๆก็อยากได้ แต่เคล็ดลับของการบริหารงานที่ดี คือหาคนให้เหมาะกับงาน บางงาน ไม่จำเป็นต้องใช้คนเก่ง แต่ใช้คนละเอียด หรือคนถึกๆ พอเขาทำงานได้ เดี๋ยวคนอื่นก็บอกว่าเขาเก่งเอง แต่แค่อย่าไปใช้งานผิดประเภท หรือมากกว่าที่เขามีความสามารถ ไม่งั้นคนเก่ง จะกลายเป็นคนไม่เก่งเลยทันที...

เรียนรู้ให้เร็ว

อย่างที่ผมบอกทุกครั้ง สมัยนี้และต่อไป อะไรก็เร็วไปหมด หากทำอะไรชักช้า เราจะกลายเป็นอดีต หรือเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการไปแล้ว ถ้าทำงานก็ต้องจับประเด็นให้เร็วกว่าคนอื่น ไม่งั้น สิ่งดีๆ มันจะผ่านไป ไม่มีใครให้เวลาเรา ตลอดชีวิตในการเรียนรู้หรอก มีแต่ให้เส้นตายที่เร็วกว่าที่เราจะทำได้เสมอ ซี่งถ้าเราต้องขอเวลาเขาเพียงพอสำหรับเราที่จะทำได้ เขาก็ไม่เอาเราหรอก มีคนที่จะลุ้น จะเสี่ยง พร้อมเรียนรู้ เรียนไป ทำไป ผิดไป แก้ไป ถ้าไม่ไว ใครก็อาจจะปาดหน้าเราไปกินก็ได้ RIZlearning

คนที่ประสพความสำเร็จคือคนที่มีความศรัทธา

เคยเห็นคนศรัทธาอะไรบางสิ่งบางอย่างมากๆไหมครับ พวกเขาเหล่านั้น ถ้าเขาเชื่อแล้วนั้น ไม่ว่าถูกหรือผิด เขาจะทุ่มเต็มที่ สุดตัวกว่าคนทั่วๆไป และการทุ่มสุดตัวกว่าคนทั่วไป มันเห็นชัดๆอยู่แล้วว่าเขาเหล่านั้นไปได้ไกลกว่า ถ้าคุณไม่เชื่อในสิ่งที่ทำ แล้วจะทำให้ดีได้อย่างไร ถึงทำได้ แล้วคิดว่าจะดีกว่าคนที่มีความเชื่อเหรอ RIZfaith

เคล็ดลับของการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้คือ

หากเรามีความฝัน ที่มันแปลกแยกแตกต่างจากคนอื่นสักหน่อย เราอาจจะไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง เพราะกลัวว่าคนอื่นเขาจะว่าเอา แล้วเราก็เก็บสิ่งที่เราคิดไว้ในใจ ไปตลอดชีวิต หรือไม่ก็ลืมเสียก่อน แต่เราจะรู้ได้อย่างไร ว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไม่ได้เพราะไม่เคยมีใครทำมาก่อน มันเป็นไปไม่ได้ เพราะมันผิดจากหลักที่เราเรียนรู้อย่างนั้นหรือ อดีต คนเราอยากบินได้ และเห็นว่านกต้องมีขนมีปีก วันนี้เราบินได้เร็วกว่านกแล้ว เพราะมีคนที่ฝ่าฟันอุปสรรคของคำว่า เป็นไปไม่ได้ แต่อุปสรรคแรกของคำว่าเป็นไปไม่ได้คือตัวเองครับ ถ้าเราคิดแล้ว แล้วเราก็ล้างความคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันจะได้เริ่มทำได้อย่างไร เคล็ดลับคือ เราต้องเชื่อ เชื่อว่าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้...