เมื่อทำผิดบ่อยๆ ใจมันจะฝ่อ

คนเราหากทำอะไร ซึ่งยังไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ก็อาจเกิดการผิดพลาดขึ้นมาได้ อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะบางคนที่เชี่ยวชาญ ก็ยังอาจจะผิดพลาดได้ อันนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน แต่สายตาคนอื่นอาจจะเป็นเรื่องที่แปลกสักหน่อย คงเป็นเพราะความคาดหวังว่า คนที่เรามองว่าถูก หรือเก่งนั้น มันต้องถูกต้องเสมอ ซึ่งมันไม่จริงเลย แต่เมื่อเราผิด แล้วใจเราเปิดกว้างพอ ไม่โทษคนอื่นโน่นนี่จนเกินไป เราก็จะได้รับการเรียนรู้ ซึ่งถ้าผิดบ่อยๆ ในสิ่งที่ไม่อันตรายร้ายแรง มันก็จะได้เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้อย่างมากมาย ประสพการณ์มันเป็นสิ่งที่มีค่า มันจะสอนเราเองว่าอะไรถูก อะไรควร และอะไรควรหลีกเลี่ยง แต่สำหรับจิตใจคนทั่วๆไป...

อดีตให้เป็นอดีต

ที่ผ่านมา เราก็ทำถูกก็เยอะ ผิดก็มาก เมื่อเราทำถูก เราก็ยังกล่าวถึงมันอยู่ ราวกับว่ามันพึ่งเกิดขึ้น ส่วนที่เราทำผิด เราก็พยายามจะลืมๆมันไป แต่เอาเข้าจริงๆ เราก็ยังคิดถึงมันอยู่เสมอ ที่เรามักแสดงออกมา คือพูดถึงเกี่ยวกับมันบ่อยๆ แม้บางทีเราไม่ได้คิด แต่จิตใต้สำนึกของเราได้ถูกผูกไว้ เมื่อเราก้าวไปข้างหน้าแต่ใจเราก็อยู่กับอดีต มันก็ดูไม่เต็มที่ ที่มันแสดงออกมาจริงๆ ถ้าเราไม่ปล่อยให้อะไรผ่านๆไปบ้าง ของใหม่ๆมันจะได้มีโอกาสเข้ามาไหม มันจะรับของใหม่ๆได้อย่างไร ถ้าอดีตยังไม่ปล่อยให้เป็นอดีต RIZshallwepast

ถ้าเราไม่เก็บอดีตไว้ สิ่งที่เราจำได้ ก็จะมีแต่ปัจุบัน

ผมเป็นคนหนึ่งที่ เคยฝังใจกับอดีต ไม่ว่าทำอะไร มันก็จะได้นึกหวลย้อนกลับไป จนมันฉุดรั้นไม่ให้ผมได้มีโอกาสได้มีอนาคต ไม่ใช่อดีตไม่ดีนะ แต่ส่วนมาก ผมว่า มันไม่ดี เพราะมันเป็นความฝังใจ ทำให้เราไม่กล้าที่จะอะไร หรือรออะไรบางอย่างที่ทั้งๆที่รู้ว่าคงไม่มา ส่วนหนึ่งของชีวิตผมหมดไปจากการผมอยู่กับอดีต แล้วรอมันไปเรื่อยๆ จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่ได้มา … มันจะมาได้อย่างไร ในเมื่อไรคิดของเราไปเอง จนวันหนึ่ง ผมก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อันใด จริงๆรู้นานแล้ว แต่พึ่งลุกขึ้นเอง ผมรู้ว่าอดีตจริงๆแล้ว แค่รู้ก็พอ แต่ถ้าลืมได้ก็ลืมๆมันไป...

ยิ่งคุณรู้ในสิ่งไหนมากแค่ไหน สิ่งนั้นคุณก็โดนหลอกยาก

ความรู้จริง มันทำให้คนไม่โดนหลอก เพราะเราสนใจ ถ้าเราอยากได้อะไรสักอย่าง ถ้าเราไปด้วย อารมณ์ หรือความรู้สึก รับรองคุณจะได้ราคาแพง เพราะคุณไม่รู้ ราคาฐาน มันมาด้วยแรงเชียร์ และจะจ่ายไปอย่างงงๆ ไม่รู้ผีผลักจ่ายไปได้อย่างไร พอรู้ทีหลัง หรือคนที่รู้มาบอก หงายตายไปตามๆกัน   การที่เราให้เวลากับสิ่งที่อยากได้สักหน่อย ศึกษาข้อมูล รีวิวต่างๆ ฟังหลายๆกระแส มันจะทำให้เรามีความรู้ที่จะไปคุยกับคนขาย หรือคนเสนอ มีการหยั่งเชิง แหย่เพื่อแสดงว่ารู้จริงบ้าง...

ขาวคือขาว ดำคือดำ แม้ว่าโลกจะเทา

มีคนบอกว่าความดีคือสีขาว และความเลวคือดำ แต่โลกนี้ มันผสม ปนเป เลยกลายเป็นสีเทาๆ จะเทาเข้มหรือเทาอ่อน แต่ อ่อนย่อมดีกว่าเข้ม แต่เลยให้ใช้ชีิวิตแบบเทาๆ คิดว่าไม่ควร เพราะ ขาว คือ ขาว ดำ คือ ดำ ขาว ไม่เป็นดำ และ ดำไม่เป็นขาว เพียงแต่เราเห็นไปเองว่า ผสมกันแล้วมันเป็นเทา ถ้าจะแบ่งแยก...

เรื่องที่รบกวนจิตใจ ต้องหาทางแก้ไข ถ้าจะทำงานต่อ

เวลาทำงาน ไม่ใช่ว่าเราจะมุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียวได้ มันก็จะมีอะไร มารบกวนตลอดเวลา ปัญหาจุกจิก หรือสิ่งที่เราต้องแก้ไขในชีวิตประจำวัน บางเรื่องเกี่ยวกับงาน บางเรื่องก็ไม่เกี่ยวกับงาน บางเรื่อง มันก็เป็นเรื่องส่วนตัว บางเรื่องมันก็เป็นปัญหาครอบครัว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม มันก็จะทำให้พลังที่เราจะมุ่งไปข้างหน้า ไปหาเป้าหมายมันโดนฉุดรั้งไว้ ด้วยใจเราเอง อันที่จริงแล้ว ถ้าเกิดความผิดปกติ เราก็ต้องค้นหาว่ามันคืออะไร แล้วนำออกมา เพื่อจะพิจารณาว่าจะแก้ไขอย่างไร แต่เราก็ต้องรู้ว่า มันก็มีเรื่องที่ แก้ได้ และ แก้ไม่ได้...

อยู่ที่อโคจร ย่อมเสี่ยงมีปัญหา

อ่านข่าวแล้วเห็นเรื่องร้ายๆ หรือคนตีกัน ส่วนมาก สถานที่ตีกัน ย่อมเป็นสถานที่ ที่มีความเสี่ยงต่อการขาดสติ หรือเป็นสถานที่สนุกสนาน อันมากกว่าวิสัยคนปกติ เช่น ผับ บาร์ สถานแหล่งบันเทิงกลางคืน จริงๆแล้ว มันก็ถือเป็นเรื่องปกติ ที่คน มีความทุกข์ก็ดี หรือขาดสิ่งใดในใจก็ดี ย่อมหาทางออก การใช้เครื่องดื่มมึนเมาในการ ผ่อนคลาย หรือเพื่อสนุกสนาน มันก็จะทำให้ ขาดสติ และ การคิดอ่านทำอะไรที่ขาดสตินั้น...

คนชัดเจนจะไม่มีที่ยืน คนพูดตรงๆ คนอื่นจะรับไม่ได้

เหมือนแรกเริ่ม สิ่งต่างๆ เราต้องรู้จักขาว รู้จักดำ แต่เมื่ออยู่ร่วมกันในสังคมนั้น เราก็ต้องรู้จัก ขาว ผสมดำ จนกลายเป็นเทา คนที่ทำอะไรชัดเจน อาจจะเป็นที่ถูกใจของคนที่ได้เห็น แต่ไม่ได้อยู่ร่วมด้วย บางครั้ง ความชัดเจน มันก็ทำอะไรได้ง่าย แต่ไม่ใช่หมายถึงอยู่ในสังคมได้ง่าย เมื่อคนอื่น อยากให้เราพูดตรงๆออกไปนั้น วุฒิภาวะของคนฟัง มันก็ไม่ได้เท่ากัน หรืออยากได้ในสิ่งที่เขาต้องการจะรู้ แต่เขาเหล่านั้นอยากได้ ในสิ่งที่เขาอยากจะฟัง แค่บางส่วนที่ตรงใจเขา และตรงใจเรา...

IQ อย่างเดียวไม่พอ ต้องมี EQ จำเป็นมาก

ยุคนี้เราเห็นคนที่ฉลาดออกมาโดดเด่น แล้วมี คนที่ประสพความสำเร็จหลายๆคน แต่มักจะเป็นคล้ายฮีโร่ ที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ทุ่มเท และอารมณ์ร้าย อย่างเช่น สตีฟ จ๊อป หรือ อีลอน มัสค์ จากคำบอกเล่าของคนที่ทำงานด้วย ถึงแม้จะเป็นคนที่มีความคิดฉลาดอย่างหาใครเทียบด้วยยากแล้วนั้น แต่ทำงานด้วยกันยาก เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ได้คำนึงถึงจิตใจ คนทำงานด้วยหรือคนรอบข้าง หากถ้าเขาไม่ได้เป็นคนที่ประสพความสำเร็จ หรือจ่ายผลตอบแทนอย่างงดงามแล้วนั้น ถ้าเลือกได้ ก็คงไม่มีใครอยากทำงานด้วยจริงๆ...

เมื่อไม่เข้าใจเขา เขาและเราก็ไม่ผิด

วัฒนธรรมในแต่ละที่ย่อมมีความแตกต่างกัน การที่เราทำอะไรที่คุ้นชิน หรือเป็นที่ยอมรับในสังคมของเรา มันก็ไม่ได้หมายรวมว่า ที่อื่นๆ จะชอบเหมือนกัน เพราะเงื่อนไขในแต่ละที่มีรายละเอียดมากมาย เช่นแฟชั่นของเมืองหนาว มันคนละเรื่องของคนเมืองร้อน ถ้าทำเหมือนกัน มันจะกลายเป็นคนบ้าไป แต่ถ้าคนเมืองร้อนอยู่เมืองหนาว มันก็ต้องเข้าใจที่มาที่ไปด้วย บางที มันก็ไม่ใช่อยาก แต่มันจำเป็นต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ถ้าเราเข้าไปบ้านเขา แล้วเราเอากฎที่เราคุ้นชินไปใช้ มันก็คงอยู่ร่วมกันไม่ได้ เพราะทุกที่ ก็มีวัฒนธรรมของตัวเอง มีความเป็นธรรมดา ที่สายตาคนต่างวัฒนธรรมมองว่าแปลกประหลาด อย่าคิดว่าเรามองเค้าประหลาด เขามองกลับมาทางเรา...