เราเสียเวลาชีวิตไปกับอะไรบ้าง

เราเสียเวลาชีวิตไปกับอะไรบ้าง ที่เสีย เพราะมันไม่ได้ประโยชน์ การผลัดวันประกันพรุ่ง ก็เป็นการต่อเวลาแบบที่ก็ไม่จำเป็น เพราะบางทีงานมันก็ไม่ได้ราบเรียบอย่างที่เราอยากให้มันเป็น แต่การเหนื่อยล้าบ่ายเบี่ยงที่จะทำนั้น มันก็ไม่ได้ช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้น การหลอกตัวเอง เพราะบางที เราต้องการอยู่ใน ความรู้สึกปลอดภัย แต่ภายใต้ความจริงที่โหดร้ายและรุนแรง เราก็ได้แต่หลอกตัวเองไปวันๆว่าไม่มีอะไรหรอก หรืออีกหน่อยก็ดีขึ้นเอง พอวันนึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมันรุนแรงจนหลอกตัวเองไม่ได้ ก็ต้องยอมรับความจริงอยู่ดี การทำอะไรที่ไม่ได้คิดไว้ก่อน แล้วหวังว่าจะฟลุ๊กนั้น มันเป็นความคิดที่ไม่มีตรรกะอะไรมารองรับเลย แล้วมันจะเกิดขึ้นจริงๆได้อย่างไร หรือถ้าเกิดขึ้นได้มันก็น้อยเหลือเกิน การเดาแบบเข้าข้างตัวเอง ทำให้เราต้องรอหรือพิสูจน์สิ่งนั้น โดยที่โอกาสมันในโลกความจริงแทบเป็นไปไม่ได้...

จริงๆแล้วเรามีอะไรทำมากกว่า บ่น

นั่งอ่านบทความแล้ว ปีนี้เป็นที่มีคนตกงานเยอะกว่าปีก่อน แต่ ก็บริษัทก็บอกว่า หาคนมาทำงานไม่ได้ ยังต้องการแรงงานอีกจำนวนมาก ข้อความสองข้อความนี้มันตรงกันข้ามกันเลย แล้วมันเกิดอะไรขึ้น แต่ผมเห็นภาพๆนึง คือ คนเก่งขึ้น แค่คุณภาพของคนมันต่ำลง เราอยู่ในยุคสมัยที่มีตัวช่วยมากมาย แต่ก่อน อาจจะต้องพยายาม เดินไปแต่ละบริษัท เพื่อไปส่งใบสมัครงาน มันดูลำบาก แต่ดูเหมือนคนตกงานน้อยกว่านี้ แต่ตอนนี้ เราสามารถส่งอีเมลไปเพื่อสมัครงาน มันดูง่ายๆ แต่บริษัทเรียกก็ไม่ไป หรือไปแล้วก็ไม่เข้าตาบริษัท แต่ที่แน่ๆ...

อาชีพแปลกๆที่ไม่ใช่เรื่องแปลกของคนสมัยนี้

เดี๋ยวนี้ โลกเราหลุดออกจากกรอบความรู้ที่เราเรียนมาไกลละ มีอะไรไม่รู้ ไม่คิดว่าเป็นอาชีพได้ตั้งเยอะแยะและมากมาย สมัยก่อน มันก็แบ่งไปไม่กี่สาย มีความชัดเจนในวิชาชีพ หลายวิชาชีพต้องสอบวัดความรู้ เช่นแพทย์ วิศวกรรมศาสตร์ พวกนี้ หากไม่ได้มาตราฐาน ย่อมเกิดปัญหาได้ แต่วันนี้ มีวิชาชีพ ที่รัฐบาลยังไม่ได้นิยาม และสามารถควบคุมความมีคุณภาพได้ แต่อาชีพเหล่านี้กับมีผลกระทบโดยตรงกับสังคม สมัยก่อนนักข่าว ต้องมีการสอบวิชาชีพ มีการคำนึงถึงจรรยาบรรณ แต่สมัยนี้ ใครเป็นก็ได้ เพราะสื่อและช่องทางเป็นตัวที่ทำให้เราเข้าถึง หรือไปหาได้มากขึ้น...

agility คือความว่องไว

ทำอะไรสมัยนี้ คิดนานๆ ไม่ได้ เพราะ แค่คิดได้ มันก็รู้สึกจะช้าไปเสียแล้ว อัตราความเร็วถ้าเทียบกับอดีต เทียบกันไม่ได้เลย คนสมัยก่อน คิดอะไรละเอียดๆก่อน ถึงค่อยทำ หรือค่อยลงทุน แต่ถ้าเราคิดเหมือนพ่อแม่เรา หรือปู่ย่าตายายเรา เราคงไม่ทันกิน เพราะทุกอย่างจะวิ่งผ่านเราไปหมด แล้วเราจะบอกว่า รู้งี้ทำไปนานแล้ว ก็ไม่ได้หรอก ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ถ้าโลกนี้ยังหมุนช้าอยู่ ก็ย่อมเป็นเช่นนั้น แต่โลกทุกวันนี้หมุนเร็วมาก อะไรที่เกิดมาปุ๊บ มันก็เริ่มเก่าอย่างเห็นได้ชัดปั๊บ...

บางที ชีวิตมันก็ abstract นิดนึงนะ

บางที เราก็ไม่รู้ตัวเองว่าเป็นยังไง บางที ก็งงๆตัวเอง ไม่ถึงขนาดจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่ก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เวลาจะอธิบายอะไรมันจะมึนๆนิดนึง มีสาระและหลักการนะ แต่สื่อสารออกไปแล้วจะเบลอๆ ผมเรียกช่วงเวลาที่ผมเป็นแบบนี้ว่ามันเป็น abstract ความรู้สึกที่ very นามธรรม คือ พูดได้ไม่เข้าใจ อธิบายได้แต่ไม่รู้เรื่อง และยังทำออกมาไม่ได้ ชีวิตมีผ่อนสั้น ผ่อนยาว จะเป๊ะทุกวัน มันก็เหนื่อย แต่ทำได้มันก็ดี ถ้ามันจะแปลกไปบ้างสักวันสองวัน ก็ไม่เป็นไร...

สร้างความมีวินัย ที่จับต้องได้

เป็นเรื่องง่ายนะครับเวลาพูดถึง วินัย ในที่นี้ผมหมายถึงวินัยแก่ตนเอง แต่เวลาจะทำ มันรู้สึกไม่ตามแผนการวางไว้ การจะสร้างวินัย แต่พอเจอสิ่งเร้าภายนอกต่างๆ เช่นเพื่อนชวน งานเข้า และสิ่งเร้าภายในจิตใจ เล่น ขี้เกียจ ขอต่อเวลา ผลัดวันประกันพรุ่งอีกสักหน่อย สักนิด มันทำให้วินัยที่เราตั้งใจนั้น มันล้มไป การที่คิดแล้วทำ มันบางที มันเป็นนามธรรมเสียเหลือเกิน คิดง่าย แต่ตอนทำมันก็ไม่ง่าย เพราะเราจินตนาการ ตอนที่จิตใจเราเบี่ยงเบนหรือรุมเร้าไม่ออก ผมขอแนะนำการฝึกวินัย...

ทันเทรน แต่ไม่รู้มันคืออะไร เพื่อ…

มีคนพูดถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ มีคนพูดถึงสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว แต่ยังไม่มีใครคิดเอามาปรับใช้ในชีวิต ที่ทำให้มันงอกเงยขึ้น พอมีสินค้าใหม่ๆทันสมัยออกมา ก็มีกลุ่มคนที่รีบซื้อหามา… มาเพื่ออวด ไม่ได้มาเพื่อใช้ แล้วมันจะได้การยอมรับว่าเป็นคนล้ำนำเทรน ผมว่า เทรนเสียตังก่อนมากกว่า ของบางอย่างเร็วเกินไป มันเสียตังซื้องานทดลอง ของมันยังไม่นิ่ง ไลน์การผลิตยังไม่ลงตัว การรู้ก่อนเป็นสิ่งดี แต่การพูดถึงสิ่งล้ำทันสมัย แล้วไม่รู้ มันก็ไม่ก่อเกิดประโยชน์อะไร สำหรับการตลาดนั้น มันจะสร้างภาพให้คุณเป็นคนดูล้ำสมัย แต่สำหรับการจัดการนั้น มันยังไม่ได้พิสูจน์ว่ามัน ใช้ได้...

อยากสำเร็จต้องเรียนรู้จากคนที่สำเร็จ

อยากสำเร็จต้องเรียนรู้จากคนที่สำเร็จนั้น แต่เราไม่จำเป็นต้องฟังความสำเร็จของเขาว่าเขาทำได้อย่างไร เพราะเราทำเหมือนเขา เราก็ก้าวข้ามเขาไปไม่ได้ แต่จงฟังเรื่องที่เขาผิดพลาด เพื่อจะได้ระวัง ไม่ก้าวผิดตาม นำความผิดพลาดของคนอื่นมาพัฒนาตัวเอง เพื่อประหยัดเวลาความผิดพลาดที่เรากำลังจะเดินไปเจอ การเริ่มโดยไม่รู้อะไรเลยนั้น มันอาจจะสนุก แต่ก็ทำให้เสียเวลาน่าดู การรู้อะไรก่อน ย่อมได้เปรียบ แต่การรู้อะไรแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร มันก็เสียเวลา อาจจะทำให้เสียเปรียบ ทัศนคติการมอง การเลือก ความละเอียด จำเป็นเสมอ เพราะโชคไม่ได้มาบ่อยๆ และมันมีที่มาที่ไปที่อธิบายได้ จงอธิบายให้ได้ แล้วเราจะรู้...

ไม่มีอะไรที่ไร้ประโยชน์

ของทุกอย่างย่อมมีประโยชน์ในตัวเองไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง สิ่งของทุกอย่างย่อมมีเหตุและปัจจัยในตัวของมันเอง เพียงแต่เรารู้หรือเปล่า เพราะความไม่รู้ มันก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นมันไม่ดี เพียงแต่เรายังไม่แหลมคมพอที่จะใช้ประโยชน์มันได้ สิ่งรอบๆตัวเรา อยู่ที่เราเลือกหยิบจับมาใช้ หน้าที่ของสิ่งหนึ่งอาจจะมีหน้าที่อย่างหนึ่ง แต่จริงๆแล้วอยู่ที่เราพลิกแพลงทำได้หลายอย่าง แม้หินบนพื้นก้อนเดียว อาจจะเป็นอาวุธได้ เป็นที่ถ่วงน้ำหนักได้ เป็นศิลปะก็ได้ จริงๆแล้วเป็นอะไรก็ได้ เพียงแต่เราสุดที่จะมอง หากเราเก่งพอ ก็ใช้ทุกอย่างรอบๆตัวได้ หากเรายังไม่เก่ง แต่ก็เก็บไว้เผื่อว่าวันหนึ่งจะได้ใช้ แต่หากเราไม่สนใจ ถึงมันมีดีซ่อนไว้ เราก็มองข้ามอย่างน่าเสียดาย เพราะเราไม่รุ้หรอก แต่อย่าปล่อยให้มันผ่านไปจะดีกว่า...

ความอิจฉา เป็นอันตรายอย่างยิ่งกว่าสิ่งดี

ตอนอ่านหนังสือที่บอกว่าความอิจฉานั้น มันเป็นแรงผลักดัน ทำให้เรามุ่งมั่นและพยายาม มันก็คงจริง แต่มีกี่คนที่เอาสิ่งอันตรายนี้มาเป็นแรงผลักดัน เพราะความอิจฉาอาจจะทำให้คนเราคิดอะไรตื้นๆ ทำอะไรโง่ๆ แล้วกลายเป็นเรื่องไม่ดีขึ้นมาได้ การเห็นคนอื่นดีกว่านั้น เราก็ควรจะเอามาเป็นตัวอย่าง แบบอย่างที่จะทำให้เรามุ่งมั่นให้ได้เหมือนเขา แต่อย่าไปรังเกียจหรือ ริสยาเขา ถึงแม้เขาไม่สมควรที่ได้รับหรือมี แต่มันก็ขึ้นอยู่บุญบารมีที่เคยมีมาสั่งสมแตกต่างกัน ไม่มีอะไรที่แย่ไปหมด ไม่มีอะไรที่ดีไปตลอด มันก็วนๆกันไป จงระวังจิตใจตัวเอง พึงมีสติอยู่เสมอ ถึงเราไม่ได้ทำดี แต่การละเว้นสิ่งที่ไม่ดี ทั้งทางกาย และจิตใจมันก็ช่วยให้ดีได้แล้ว RIZbeware