เงินที่คุณใช้ไป ทำให้คุณค่าของตัวเองเพิ่มขึ้นแค่ไหน

ผู้ใหญ่ชอบบอกให้เราว่า “อย่าฟุ่มเฟือย” หัดออมเงินไว้ใช้ยามแก่ หรือถ้าฟังพวกลงทุน ก็จะบอกว่า เก็บเงินเท่านี้ ลงทุนเท่านั้น จะได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นเท่านั้นเท่านี้ และเราก็จะได้มีเงินไว้โดยไม่ต้องทำอะไร แต่ทุกวันนี้เราต้องใช้เงินครับ ใช้เงินเพื่อการดำรงชีพ ใช้ในสิ่งที่จำเป็น จะเป็นค่าอาหาร เดินทาง และที่อยู่อาศัย แต่ที่ฟุ่มเฟือยก็อาจจะเป็นเรื่องของ สันทนาการ ความบันเทิงต่างๆ มันก็ต้องใช้เงินกันทั้งนั้นครับ แต่ถ้ามีเงิน เอาจริงๆแล้วมันก็ต้องใช้ ใช้เพื่ออะไรอันนี้อีกเรื่อง บางคนอยากได้เงินต่อเงิน ก็เอาเงินไปลงทุน อันนี้ก็ไม่ผิดครับ...

ไม่ต้องมีทุกอย่าง แค่อย่างเดียวก็พอ

คนเราไม่จำเป็นต้องดีพร้อม มีทุกอย่าง มันไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่างก่อน ถึงจะได้ดี หากเราเชื่อแบบนั้น กว่าจะทำได้ ไม่ตายก่อนเหรอ หรือคนที่ทำได้ มันก็แค่มีแค่หยิบมือ ที่จะทำ แล้วคนธรรมดา จะลืมตา อ้าปาก ขยับขึ้นมาได้อย่างไร จริงๆแล้ว ถ้าเรามีอะไรสักอย่าง อย่างเดียว ที่ดีเด่น พอแล้ว นั่นคือสิ่งที่เราล้ำนำใคร โดดเด่น เราใช้สิ่งนี้นำคน เอามาหากิน ขายสิ่งที่เราดีกว่า ส่วนที่ด้อย...

คนเก่ง มีท่าง่าย ที่ได้มาก

ในความคิดเดิม คนเก่งๆ ย่อมมีความซับซ้อน มีความยาก เหนือกว่าคนทั่วๆไป แต่จริงๆแล้ว คนเก่งของจริงที่ผมรู้จัก ชอบทำอะไรง่ายๆ ที่ง่ายจน คนธรรมดา มองข้ามไป ว่ามันจะได้จริงหรือ แต่ผลที่ออกมา เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน อธิบายง่าย คนฟังก็เข้าใจง่าย ทำตามง่าย คงเป็นเพราะตกผลึกมาแล้ว และเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่หลงทาง ไปท่ายาก ซับซ้อน แสดงถึงภูมิ แสดงถึงอัตตา ซึ่งล้วนแล้วปราศจากสิ่งพวกนี้...

ไม่มีความสุข ก็ต้องหาทุกข์ให้เจอก่อน

หากเรารู้สึกตัวว่า ไม่มีความสุขเลย จะเป็นเรื่องการงาน หรือเรื่องส่วนตัว แล้วก็ยิ่งพยายามหาความสุข มันก็ไม่เจอ หรือไม่พอ จะพักเพื่อไป refresh มันก็ได้ แต่พอกลับมา มันก็เหมือนเดิม เราต้องมองถึงเหตุของการไม่มีความสุข เหตุของความทุกข์ เหตุของความเครียด ถ้าหาไม่เจอ เราก็แก้ไม่ได้ ถ้าหาได้ เราจะได้รู้ว่าจะแก้มันอย่างไร จะเป็นในจิตใจ หรือสภาพแวดล้อม จะเริ่มแก้ตรงไหนก่อนก็ได้ แต่อย่าเอาความสุขมากลบทับความทุกข์เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง RIZhappyway

ยังไงคนเราก็มีอดีตครับ และมันขายได้

ช่วงนี้ ผมเห็นเอาของเก่ามาขาย และมันขายดีกว่าสมัยก่อนอีก ของใหม่ๆ ตอนนี้มันกระจาย ถ้าจะจับตลาดมันก็เฉพาะกลุ่ม หรือใหญ่ไปเลย แต่สำหรับเด็กในวันนั้น หรือวัยรุ่นวันก่อน วันนี้มีเงินแล้ว มีอิสระแล้ว จ่ายอะไรก็ได้ โตแล้ว ของในวันนั้น วันที่อยากได้แล้วยังไม่มีความสามารถได้ วันนี้พร้อมแล้วครับ เราเห็นนักร้องเก่าๆ ที่โตมากับเรา มาวนเปิดคอนเสิร์ต ก็ขายบัตรหมดอย่างรวดเร็ว พวกนี้ไม่ค่อยทำอะไรทันสมัยขนาดคนปัจุบัน และมันทำง่ายครับ เพราะความฝันวันนั้น ไม่ทันซื้อไม่มีเงินซื้อ วันนี้มีแล้ว...

เงียบเพื่อจะได้พักหายใจ และพูดต่อ

เห็นคนที่พูดเก่งๆ พ่นออกมาเป็นไฟ จะน้ำไหลไฟดับก็ตาม มันก็ต้องฝึกทั้งนั้นแหละครับ มันต้องเข้าใจว่าจะพูดยาวๆได้อย่างไร แต่ถ้าถามเคล็ดลับของคนพวกนี้ มันได้คำตอบที่น่าแปลกใจทีเดียว คือความเงียบครับ ความเงียบเป็นจังหวะพัก จังหวะที่เขาได้หายใจ ที่จะได้พูดต่อไปเรื่อยๆ คนที่อยากจะพูดได้เก่งๆนานๆ หากไม่เข้าถึงข้อนี้ เขาก็จะพูดไปรวดเดียว แล้วหมดแรง และท้อถอย เพราะมันได้แค่นั้น ไม่ก้าวหน้า เพราะใช้พลังไปหมดแล้ว ทริกเล็กๆครับ ลองไปคิดต่อดู RIZsilent

ข้อดีของเป้าหมาย

ชีวิตนี้ จะทำอะไร กิน อยู่ หลับนอน ไปวันๆอย่างนั้นหรือ บางคน ก็เป็นชีวิตที่เขาอยู่แบบนั้นได้ แต่เรารู้สึกว่ามันไม่มีค่า เหมือนอยู่แล้ว ทำลายทรัพยากร เพื่อดำรงชีวิตให้อยู่จนสิ้นอายุขัยไปอย่างนั้น อย่าทำแบบนั้นเลยครับ เราทุกคนไม่ได้ด้อยขนาดนั้น เราเกิดมาพร้อมสมองที่ใหญ่กว่า การทำลายทรัพยากรเพื่อดำรงชีพ เราก็ควรคิดจะทำอะไรสักอย่าง และอย่างนั้นแหละครับคือเป้าหมาย บางคนชอบคิดว่าเป้าหมายเป็นอะไรที่เกินตัว ไกลไป จริงแล้วมันสามารถเป็นอะไรง่ายๆ และใกล้ๆได้ และไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ มันก็เป็นเรื่องเล็กๆได้เหมือนกัน มันเป็นอะไรก็ได้...

หมดตัวไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ถ้าหมดใจอะไรก็ไม่เหลือ

การทำอะไรผิดพลาดนั้น ถึงระวังดีเยี่ยมเพียงใด มันก็ย่อมมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ และบางครั้งด้วยความไม่รู้ หรือรู้ไม่ถึงก็อาจจะทำให้เสียหาย เสียงาน เสียเงิน แต่ถ้าเสียไปแล้ว ยังไปเสียดายมันอยู่ ก็ถือว่าจบแล้ว เข้าใจว่ากว่าจะสร้างมาจนพร้อมมันก็นานโขอยู่ แต่ถ้าจะต้องไปเริ่มใหม่ ถึงเวลาก็ต้องทำ ไม่ต้องไปครวญครางกับสิ่งที่ผ่านไป แม้ว่าจะพาตัวเองไปจุดเริ่มต้น หรือต่ำกว่านั้นก็ตาย เสียอะไรมันก็เสียได้ ถ้ามีให้เสีย เสียไปครับแล้วหาใหม่ แต่สิ่งที่ห้ามเลยคือ ห้ามหมดกำลังใจ แล้วไม่สู้ต่อ เพราะถ้าเราสู้ โอกาสก็ยังมี ล้มแล้วลุกให้เร็ว...

จะเข้าใจคนอื่นได้นั้น ต้องเข้าใจตัวเองด้วย

นักบริหาร นักการตลาดหลายๆ ที่เข้าใจตลาดเป็นอย่างดีนั้น เพราะเขารู้จักลูกค้า เขาสามารถบอกเป้าหมายของเขาได้ เล่าได้เป็นฉากๆ ว่าจะกินจะนอน ไปไหนมาไหนอย่างไร แต่ไม่ว่า เขาจะเก่งแค่ไหน มนจะสุดไปไม่ได้ ถ้าเขาลืมตัวเอง พื้นฐานจริงๆแล้วเข้าใจตัวเอง เข้าใจคนอื่น และเข้าใจคนอื่น ก็ต้องเข้าใจตัวเองด้วย ไก่กับไข่ มันก็เริ่มอะไรสักอย่างก่อน แล้วก็ค่อยรู้ในสิ่งที่เหลือ ไม่ครบก็ไม่ได้ ถึงได้ก็ไม่ดี ค่อยๆก็ได้ แต่ต้องทำให้ครบ RIZknowing

ต่อให้พูดภาษาเดียวกัน แต่มันมีการสื่อสารเฉพาะกลุ่มอยู่

เรื่องนี้น่าสนใจครับ ภาษาทำให้คนเราสื่อสารกันได้ แต่มันจะได้แค่พื้นฐานเท่านั้น ถ้าเราไม่ได้ใช้เวลาในแต่ละกลุ่มคน เหมือนแต่ละกลุ่มอาชีพ หรือกลุ่มความสนใจ ที่เขาพัฒนาภาษาจากพื้นฐานให้เป็นภาษาเฉพาะกลุ่มของเขากันเอง แน่นอนครับ ภาษาเดียวกัน แต่ถ้าคนต่างกลุ่มฟัง มันก็ฟังอาจจะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ บ้างเป็นภาษาทับศัพท์ทางเทคนิค แต่บ้างมันเป็นคำย่อต่อๆกันมา จนไม่รุ้ว่ามันย่อมาจากอะไร อย่างกลุ่มเทคนิควิศวะ ก็ยังแบ่งเป็นเฉพาะทางอีกเยอะแยะ จะไฟฟ้า โยธา คอมพิวเตอร์ เอามาคุยเรื่องลึกๆรวมๆกันแล้ว ไม่รู้เรื่องครับ ซึ่งก็หมายถึงว่าเราชินอยู่กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแล้วต้องสื่อสารกับคนนอกกลุ่ม ต้องคิดไว้ก่อนว่าเขาไม่เข้าใจเราง่ายๆอย่างนั้น ต้องอธิบายช้าๆและใช้คำพื้นฐาน ไมงั้นจะมาหงุดหงิดเราว่า...