บอกอะไรไป ใส่ความเป็นมนุษย์เข้าไปด้วย

เทคโนโลยี่มันช่วยเราในชีวิตประจำวันเยอะนะครับ ช่วยกันยันเลขาส่วนตัวอย่าง siri ของค่า apple หรือ google assistance แต่ถึงพูดกับเราได้ ช่วยเราได้ แต่มันยังทำให้เรารู้สึกดีไม่พอ เหมือนพูดกับคน และเพื่อความรวดเร็วหรือทันสมัยก็แล้วแต่ มันทำให้เราทำอะไรก็ขาดความรู้สึกไปด้วย ทำกระด้างๆ แข็งๆไป คุยกับคนไม่เหมือนคน อ่านบทความมีแต่เนื้อหาแต่ไร้ความรู้สึก พอสิ้นวัน ความรู้สึกขาดก็ยังอยู่ และมันน่าเบื่อครับ ความเก่ง หรือรู้มาก ไม่ได้ช่วยให้ติตต่อได้ดี ความไม่เก่ง...

โลกมันกว้างขึ้น โอกาสมาพร้อมคู่แข่ง

สมัยก่อนตอนที่อะไรๆยังไม่เจริญเหมือนสมัยนี้ หลายๆกิจกรรม โดนผูกขาดโดยคนไม่กี่กลุ่ม พอโลกเปิดกว้างขึ้น การติดต่อสื่อสารดีขึ้น และราคาถูกลงจนเหมือนแทบจะรวมอยู่ในการเหมาจ่ายบางไปแล้ว เมื่อโลกมันเปิดกว้างขึ้น ก็เหมือนประตูแหละครับที่มันกว้างขึ้น ทำให้เราสามารถเอาสิ่งต่างๆที่เรามี ออกไปได้ง่ายขึ้น และในขณะเดียวกันคนอื่นก็เอาของเขาส่งมาด้วยช่องทางนี้เหมือนกัน สมัยก่อน แข่งกันไม่กี่คน แทบจะรู้จักคุยกันได้ สมัยนี้ ใครก็ไม่รู้ มาแข่งกับเรา ถ้าไม่เก่งจริงไม่เด่นจริง จะทำเหมือนสมัยก่อนก็ไม่ได้แล้ว ปิดหูปิดตาคนได้ไม่ง่ายแล้ว ถ้าเราทำอย่างเดิมไม่ได้ ก็ต้องหาอย่างใหม่ทำ วิธีเดิมไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีใหม่ทำ ไม่งั้นไม่ทันจริงๆ...

เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่งที่สุดก็ได้ แต่ปรับตัวให้เร็ว

หลายๆครั้ง คนเก่งก็ไม่รอดนะครับ เพราะเขาเก่งไป เก่งในสิ่งที่ทำเกินกว่าที่จะไปทำอย่างอื่น ถ้าจังหวะมันมา ตรงกับสิ่งที่เขาเก่ง หรือมันอยู่ช่วงเดียวกันอยู่ ก็โอเคนะครับ แต่ถ้ามันผ่านไปละ จบเลยนะครับ เกมเลย สิ่งที่พยายาม สิ่งที่ทำ ทั้งๆที่ตอนที่เราเก่ง เราโดดเด่นมาก เด่นจนกลบทุกสิ่งอย่าง และเมื่อเวลาผ่านไป ที่เราโดดเด่นนั้น มันก็กลายเป็นอดีตไป พอมันผ่านไป ไม่มีค่าเลยนะครับ จบจริงๆ ไร้ค่ามาทันที จริงๆ คนเราถ้าเก่งได้ก็เก่งให้มาก...

บางเกมถ้าเราอยากชนะ เราต้องเล่นให้แพ้

การแข่งขัน ปกติแล้ว ทุกคนอยากเอาชนะครับ อยากแข่งชนะ อยากเป็นที่หนึ่ง ถ้ามองพื้นๆ ก็แบบนี้แหละครับ ต้องชนะให้ได้ เป็นที่หนึ่งให้ได้ แต่การที่เป็นที่หนึ่ง ย่อมต้องแลกกับอะไรหลายๆอย่าง เช่นเวลา การฝึกฝน ความพยายาม บางที มันก็ไม่คุ้มค่า เพราะมันต้องเสียอะไรไปอีกหลายๆอย่าง เพื่อเป็นที่หนึ่ง ในบางเรื่อง บางครั้งเราเสียเวลาของครอบครัว เพื่อน หรือคนที่คุณรัก มันคุ้มกันไหม บางมุมก็คุ้ม บางมุมก็ไม่ใช่...

อยากบินได้ ต้องคุยกับนก

จริงๆแล้วคนอยากเป็นโน่นนี่เยอะแยะไปหมด คือง่ายๆว่าอยากรวย อยากประสพความสำเร็จ ใช่ครับ ใครๆก็อยาก แต่ถ้าไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วจะเริ่มอย่างไร ถ้าให้ผมแนะนำ ก็ต้องไปคุยกับคนที่ประสพความสำเร็จในสิ่งที่เราอยากทำ เพราะเขาผ่านมาก่อน แน่นอนครับ ระดับเขาระดับเรามันห่างกัน แต่อย่าไปกลัวครับ ต้องไปคุย หรืออย่างน้อยต้องไปฟังเขาพูด แน่นอนไม่รู้จักเขา เขาไม่คุยกับเราหรอกครับ แต่เราก็รู้จักเขาได้ ผ่านทางช่องทางต่างๆ สมัยนี้ มี youtube มี web มีหนังสือ...

พักผ่อนให้ได้ แม้เกิดเรื่องอะไรก็ตาม

เวลาทุกครั้งที่มีปัญหา และยังแก้ปัญหาไม่ได้ ผู้ใหญ่หลายๆคน แนะนำผมเรื่องการพักผ่อน คือ จะเครียดแค่ไหน ปัญหาใหญ่แค่ไหน ถึุงเวลานอน ต้องนอนให้ได้ อย่าเอาเรื่องปัญหาเข้าห้องนอน เวลานอนก็อย่าไปคิด วางมันลงให้ได้ เช้าตื่นมา ร่างกายสดชื่น สมองแจ่มใส ค่อยลุยกับมันต่อ ผมเห็นคนเก่งๆหลายๆคนทำได้ครับ ผมว่า มันเป็นเคล็ดวิชาสู้รบติดพันในระยะยาว ต่อให้เก่งแค่ไหน ถ้าไม่ได้พักหลายวันติด มันก็ล้า อาจจะน๊อกไปก็ได้ หรือถ้าไม่เก่ง และไม่ได้พัก...

จริงๆเราหาความสุขมากกว่าเงินนะครับ

ในท้ายที่สุดแล้ว คนเราหวังที่จะมีความสุข แต่เรื่องอะไรที่จะทำให้มีความสุขละครับ คนส่วนใหญ่คิดไม่ออก แต่คิดว่าต้องใช้เงินในการซื้อความสุข คือมีเงินไว้ใช้อำนวยความสดวกสบายนะใช่ครับ เพราะมีความสดวกสบาย มันก็ทำให้ชีวิตดีมีสุขง่ายขึ้น แต่ดูเหมือนคนจะหลงผิดว่าต้องมีเงินแล้วจะมีสุข แต่จริงๆ คือมีเงินแล้ว ก็ต้องใช้ซื้อหาความสุขนะครับ เลยมีคนหาแต่เงิน จนไม่มีความสุข เลยมันต้องใช้เวลาให้เขาเหล่านั้น เข้าถึงความเข้าใจ ตกผลึกว่า มีเงินเท่าไรก็ไม่มีความสุข ถ้าไม่รู้จักหาความสุขเสียบ้าง RIZmoney

ตัดทอนความฝันบ้าง

ความฝันส่วนใหญ่ มันหรูหราฟู่ฟ่า ดูดีไปหมด มันอาจจะเป็นแรงผลักดัน ให้ในงานของเรา ถ้าทำได้ทั้งหมด มันก็ดี แต่มันไม่ง่ายนะซิครับ แน่นอน เราคงไม่อยากทิ้งความฝันหรอกครับ แต่ก็อยากทำให้ความฝันนั้นยังเป็นจริงอยู่ เราก็ต้องหาทางทำให้มันได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น แข่งกับทรัพยากร และเวลาที่เรามี ของลิมิเตด มันมากเกินไปก็ใช้ของธรรมดาหน่อยก็ได้ ของมือหนึ่งแพงไป ซื้อของมือสองก็ได้ ของที่เป็นเจ้าของคนเดียวไม่ไหว ก็เป็นเจ้าของร่วมก็ได้ เพื่อที่จะดำรงความฝันให้สำเร็จ บางทีก็ยอมๆหน่อย มันทำให้ถึงฝั่งฝันเร็วขึ้นเยอะครับ RIZlessdreamlessdo

ความเชื่อฝังหัว ทำให้เราหลงยุค

ผมโตมากับโลกที่อินเตอร์เน็ตพึ่งมา การเชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์ยังมีเสียงดันจิ๊ดๆ การอ่านข้อมูลเหมือนการอ่านหนังสือ ยังไม่มีคลิปภาพเสียงเหมือนตอนนี้ และตอนนั้นมันยังต้องใช้คอมพิวเตอร์เครื่องละหลายๆหมื่น ในขณะที่คนทั่วไปยังเปิดคอมไม่เป็น แต่วันนี้ อินเตอร์เน็ตมันถูกลงจนทุกคนใช้มันได้ ถึงแม้จะไม่มีคอมพิวเตอร์ แม้ว่าราคาเครื่องราคาหลักพัน เราก็ใช้โทรศัพท์มือถือเชื่อมต่อมันได้ ทั้งพูดคุยกับคน ดูหนังฟังเพลง มันดีขนาดนี้สำหรับคนปัจุบัน และยังไม่รู้ว่าอนาคตจะไปกันถึงขั้นไหน และถ้าเรายังคิดว่าเราเชี่ยวชาญอยู่ในยุคเก่า มันไม่มีอะไรจะเทียบยุคใหม่ได้นอกจากประสพการณ์ มันไม่พอหรอกครับ เรายังต้องพัฒนาเรื่อยๆ ถึงไม่ทันสมัยแต่ก็ยังดีกว่าคนไม่ยอมตามสมัย RIZbelieve

รู้จริง มันก็ต้องเล่นตัวให้คนอื่นรู้ว่า เรารู้จริง

พอเราเก่งกับสิ่งที่เราทำ ท่าต่างๆ เราก็เรียนรู้ว่าไม่จำเป็น คนเก่งจริง จะแต่งตัวอะไรก็ได้ ก็คล้ายกับคนรวยจริง ไม่ต้องใส่ทองขับรถแพงก็ยังรวยอยู แต่มันรู้แก่ตนเองเท่านั้นนะครับ ไม่มีใครรู้กับเรา ถ้าสิ่งที่เราทำ ยังต้องการคนอื่น ยังไม่ต้องเร้นกายหายไปจากสังคม มันก็จำเป็นต้องมีทรงกันบ้าง ดูสิครับ บางคนไม่เก่งไม่รวย แต่ทรงดี คนยังเชื่อว่ารวย ว่าเก่งเลยครับ แล้วคนเก่งจริง รวยจริง จะมาบ่นคนอื่นว่าเป็นของเก๊ไม่ได้หรอก มีทรงบ้างกับการงาน อยากให้คนอื่นรู้ว่ารวย ก็ต้องอวด อยากให้รู้ว่าเราเก่งก็ต้องโชว์...