การเข้าใจมันใช้เวลา แต่มันคือทางที่เร็วที่สุด

งานที่เราทำ ถ้าเราไม่เข้าใจ เราก็ทำๆไป โดยไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิด ทำเพราะคนอื่นบอก ระบบสั่ง ถึงแม้จะถูกต้อง แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าถูกหรือเปล่า หรือมันผิด แต่ถ้าเราไม่มีปัญหาอะไร มันก็ไปต่อของมันได้ แต่ใช่หรือเปล่า แต่เราก็กลัวว่าเราจะเสียเวลา เพราะใจก็อยากทำแล้วได้เลย แต่มันเป็นไปได้ยาก แต่คิดดีๆแล้ว การทำแล้วแก้ ทำแล้วแก้นั้น มันก็เสียเวลา แม้ในช่วงแรกอาจจะดูว่าเร็ว แต่ตอนจบมันก็ไม่เร็ว ช้าอยู่ดี แต่ถ้าเราเข้าใจว่าแรกๆยอมเสียเวลาหน่อย เรียนรู้ให้มากหน่อย ยอมปล่อยให้คนอื่นบ่นหรือแซงเราไปก่อนแล้วนั้น...

กฎของการก้าวหน้า ต้องทิ้งหลัง

สำหรับคนที่ก้าวเดินไปข้างหน้า ย่อมจากเบื้องหลังไป เราไม่สามารถจะเอาสิ่งที่อยู่แบกไปต่อในอนาคตได้ จะเนื่องด้วยสิ่งของมันพะรุงพะรัง หรือจำเป็นแค่ไหน เราก็เอามันไปไม่ได้ สำหรับบางคนที่ยึดติด เขาก็จะกอดเกาะสิ่งนั้นไว้แน่นๆ จนไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ แม้ว่าใจเขาอยากจะก้าวแค่ไหนก็ตามที แล้วมาถามว่าทำไมไปไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่ได้มองมือตัวเองว่าเกี่ยวอะไรอยู่บ้าง การที่จะไปข้างหน้า ต้องสังเกตมือ สังเกตใน ว่าเราปล่อยมือปล่อยใจ แล้วพร้อมจะก้าวต่อไปหรือยัง ถ้ายังห่วงหลัง มันก็ไม่ได้ไปหน้า แต่ถ้าปล่อยแล้วหลังจะเป็นยังไงก็ช่าง ก้าวไปหน้าแบบนี้ไม่ต้องห่วง RIZstep

สำคัญกว่าเตรียมตัว ก็เตรียมใจนี่แหละ

การที่เราเตรียมพร้อมจะเดินทางไกล เราคงการเตรียมอุปกรณ์ เตรียมเครื่องอำนวยความสดวก ทำเช็คลิสหาข้อมูล อะไรก็ว่าไป อย่างมากกว่านี้ ก็เตรียมร่างกาย ให้ฟิตซ้อมเป็นอย่างดี แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะการเดินทางใกล มันต้องมีใจ ถ้าใจไม่พร้อม อุปกรณ์พร้อม ร่างกายพร้อม เราก็ไม่ได้อยากก้าว การจะก้าวไป มันต้องรู้สึกได้ รู้สึกหิว รู้สึกอยาก แล้วมันจะไปได้เอง โดยไม่มีใครบังคับ RIZprepare

เวลาทำงาน ควรคิดว่าผู้อื่นมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรา

เวลาเราเป็นคนขาย เราก็มักจะพยายามมองแต่ตัวเอง พยายามขายมันเข้าไป ถ้าขายได้มาก และขายได้แพง เป็นดี แต่นั่นมันไม่ยั่งยืนเลย ต้องไปหลอกคน ตีหัวเข้าบ้านตลอดเวลา ช่วงจังหวะมาก็เอาแบบไม่รู้ตัว พอจังหวะไป ไม่มีคนสนใจ ก็ชอบมาถามว่าทำอะไรผิด ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองทำอะไรบ้าง เรียกว่าเห็นแก่ตัวได้มากที่สุด แต่หากเราคิดถึงความยั่งยืน หากเราอยากกินอาหารดีๆ และเราทำอาหารขาย เราจะขายของแย่ๆให้คนอื่นหรือไม่ และถ้ามีคนขายของไม่ดีให้เรา ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เราจะซื้อเขาเหรอ ใจเขาใจเราครับ มันหาความสมดุลย์ได้ระดับหนึ่ง ถ้าทุกอย่างที่เราทำ...

คนเราสร้างสรรค์ประโยชน์ แต่ใช้มากไปมันเป็นโทษ

เราพยายามสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มาเพื่อทำให้ชีวิตสดวกง่ายขึ้น คิดค้นทั้งเครื่องจักรยนต์กลไก และวิธีการต่างๆ ซึ่งกว่าจะคิดออกมาได้ มันก็ต้องลองผิดลองถูก เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ของมัน พอสิ่งๆดีๆ สิ่งมีประโยชน์นี้ เป็นที่รู้จักอันแพร่หลาย แต่มันก็ย่อมมีคนที่คิดไม่ถึง คิดไม่เป็น เอามันมาใช้ผิดจุดประสงค์ของผู้ที่คิดค้น เอามาใช้มากไป เอามาใช้จนงมงาย เอามาใช้ไม่ประมาณตน ผมยกตัวอย่าง delivery มีส่วนช่วยให้ชีวิตมันง่ายขึ้น เราไม่ต้องรถติด เพื่อออกไปหาสิ่งที่อยากทาน ไม่ต้องไปต่อคิว ซึ่งมันก็มีค่าใช้จ่ายต้องแลกเปลี่ยนสิ่งที่เสียไป แต่มันก็คุ้มนะครับในบางครั้ง ถ้าเทียบกับให้เราต้องไปทำเอง...

งานจะง่ายขึ้น ถ้าสร้างเงื่อนไขให้น้อยลง

ที่ผมชอบความเรียบง่าย จนเหมือนแทบจะไม่มีอะไรเลย ในการขับเคลื่อน หรือทำงานนั้น เพราะมันง่ายที่จะทำ สมัยก่อน เวลาได้งานมา เราก็ต้องใช้เวลานั่งขบคิดปัญหา ถ้าแก้ไขด้วยเนื้องานแล้ว มันก็ไม่เท่าไร แต่ที่มันเป็นปัญหาคือ บางทีเราก็ไม่ได้ชอบวิธีการ ไม่ชอบคน ไม่ชอบเวลา สร้างสิ่งต่างๆให้เป็นเงื่อนไขตลอดเวลา พยายามจะปรับทุกสิ่งทุกอย่างให้เข้าหาตัวเอง ให้ตัวเองสบายที่สุด ซึ่งมันไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาของงานแล้ว เมื่อรู้แล้ว สิ่งที่ควรทำคือ แก้ปัญหาตัวเอง ให้หนักเบาเอาสู้ มุมานะ เอางานที่ง่ายที่สุด ที่ไม่เอาตัวเราเข้าเป็นเงื่อนไข...

อย่าไปหลงเทคโนโลยี ให้สนใจวิธีการจัดการ

หลายๆคนที่ทำอะไร แล้วไม่ประสพความสำเร็จนั้น อาจจะมีเรื่องที่ผมจะพูดถึงบ้าง ลองคิดตามดูครับ หลายๆคน สนใจเรื่องเทคโนโลยี เรื่องของความทันสมัย และคิดว่า มันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ พยายามใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ยัดมันลงไป อะไรดีเด่นดัง ยัดให้หมด จนคิดว่ามันสุดยอดที่สุดแล้ว พอถึงเวลานำเสนอสินค้าหรือบริการ กลับไม่มีคนสนใจอย่างที่หวังไว้ เพราะมันทันสมัยเกินไป ยุ่งยากเกินไปสำหรับคนหมู่มาก มันคงสนุกสนานเฉพาะคนในกลุ่ม และมันเล็กเกินไป และที่สำคัญที่คิดว่า ตอบโจทย์ มันไม่ตอบโจทย์ แล้วเขาก็ล้มเลิกความคิด ยอมแพ้ไป...

อยากฉลาดขึ้นต้องแกล้งโง่

ความรู้สึกที่ฉลาดแล้วทำมีความเย่อหยิ่งอยู่ในใจ เป็นความรู้สึกภูมิใจ แต่สิ่งที่คนอื่นเห็นคืออัตตา การมีอัตตา ทำให้เราไม่รับสิ่งใหม่ๆ ที่จะเผื่อมีประโยชน์เพิ่มพูน แน่นอน มันก็ต้องมีสิ่งดีไม่ดี ใช้ได้ไม่ได้ แต่ถ้าเราคิดว่า เราดีที่สุดเก่งที่สุดแบบไม่สนโลกแล้วนั้น โลกมันหมุนไปข้างหน้าทุกวัน มันย่อมมีอะไรใหม่ๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ วันที่มั่นใจว่าเราเก่ง มันเหมือนกับเราหยุดโลกไว้ แต่จริงๆเราหยุดไม่ให้โลกหมุนไม่ได้หรอก เราต้องยอมรับว่าตัวเรายังรู้น้อยอยู่ ยังต้องเปิดรับข่าวสาร ความรู้จากภายนอก เพื่อมาเพิ่มพูน ปรับใช้ต่อไป RIZeego

ใครๆก็อยากได้สมบูรณ์แบบ ทั้งๆที่ใช้ไม่ถึง30%

เรื่องที่น่าสนใจคือ ใครๆก็อยากได้ของหรือบริการ perfection หรือสมบูรณ์แบบ ทั้งๆที่เราใช้สิ่งเหล่านั้นไม่ได้สมบูรณ์ คือ ถ้ามันร้อยเต็ม เราก็ใช้สักสามสิบ แล้วแบบนี้เราจะอยากได้ความสมบูรณ์แบบมันทำไม เพราะมันดี แต่ถ้าไม่ได้ใช้มันก็ไม่จำเป็น ในมุมกลับกัน คนขายสินค้า บอกว่าสินค้าเขาสมบูรณ์แบบ เขาอาจจะหลอกเราอยู่ หรือเขาสร้างภาพให้มันเป็นอย่างนั้น หรือเผื่อๆไว้ แต่ทั้งๆที่สิ่งที่เขาขายให้เราใช้นั้น มันนิดเดียวเอง นิดเดียว ที่รู้ได้ถึงส่วนต่างที่มากมาย แต่คนซื้อเขาก็ไม่รู้ และยังคิดว่าสิ่งที่เขาได้รับนั้นมันสมบูรณ์แบบ บอกแค่นี้เอาไปคิดต่อได้แล้วนะครับ ว่าซื้อเท่าที่จำเป็นต้องใช้มันถูกกว่าซื้อสิ่งของที่สมบูรณ์แบบ...

จะโฆษณา ไม่ใช่จ่ายเงินซื้อสื่อ แต่มันต้องมีกลยุทธ์

แวะวนมาคุยเรื่องสื่อออนไลน์กันบ้าง ตอนนี้ใครอยากโฆษณาประชาสัมพันธ์ ก็จะพูดถึงสื่อออนไลน์ โดยมีสองค่ายใหญ่ คือ google กับ facebook ซึ่งทั้งคู่มันก็สามารถซื้อสื่อได้ง่ายมาก ใครมีcontent อะไรก็ สามารถจัดการได้เลย ง่ายมันเป็นข้อดีครับ ยิ่งง่าย ใครๆก็ทำได้ แต่ใครๆที่ว่าทำได้ ถ้าไม่ฉุกคิด ก็จ่ายไปง่ายๆแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร การจะทำให้โฆษณาตรงเป้าหมาย มันไม่มี กดแบบ auto pilot หรอกครับ ทีเดียวจบ...