ขี้เกียจ มันเป็นแรงผลักดันหรือเปล่า

จริงๆ สิ่งรอบๆตัวเรา หรือความรู้สึกต่างๆ ถ้าเรารู้สึกมันได้ เอามานำปรับใช้ มันก็จะทำอะไรๆได้เยอะเหมือนกัน ยิ่งคนเห็นว่ามันเป็นสิ่งไม่ดี แต่จริงๆดีไม่ดี เพราะคนคิดไปเอง เราเองนั้น ต้องเข้าใจในเนื้อของมัน แล้วเอามาปรับใช้ บางคนตีความของ ขี้เกียจ ว่า ไม่อยากทำอะไรเลย ไม่ายอมทำอะไรเลย ไม่ทำอะไรอะไร อันนี้มันไร้ความเจริญและเป็นสิ่งไม่ดีแน่นอน แต่ถ้าพลิกมุมปลายสักนิด แล้วตีความใหม่ของ ขี้เกียจ ว่า เป็นแรงผลักดัน ที่เราจะได้ไม่ต้องทำอะไรเลย...

ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี แต่ถ้ามากไปมันก็เสียเรื่อง

เราคงได้ยินเพลงที่ร้องว่า ความเกรงใจ ความเกรงใจ เป็นสมบัติของผู้ดี ตรองดูซี ทุกคนก็มีหัวใจ เกิดเป็นคน ถ้าหากไม่เกรงใจใคร คนนั้นไซร้ ไร้คุณธรรมประจำตน จริงๆ มีความเกรงใจมันก็ดี แต่ถ้ามีมากเกินไป มันก็เลยจะทำให้เป็นคนอ่อนแอ เหยาะแหยะ ไม่กล้าติดสินใจ เพราะเกรงโน่นเกรงนี่ ที่ทำไปมันอาจจะกระทบกับคน ถ้าว่าด้วยงาน ความเกรงใจนี้ จะเป็นอุปสรรคของความเจริญ เพราะโครงการ โครงสร้าง มีลำดับชัดเจน เพราะมันใช้ตรรกะบริหาร แต่ถ้ามันมีความรู้สึกมาด้วยนั้น...

เมื่อมองดูดี มันก็ผ่านด่านแรกแล้ว

เวลาใครสอนแล้วบอกใช้ใจมองนั้น มันไม่สามารถมองได้แต่แรก ของจะดีไม่ดี มันต้องใช้ก่อนถึงจะรู้ ถ้ายังไม่รู้ ด่านแรกก็คือมอง ถ้ามองแล้วดูไม่ดี มีใครจะสนใจ ถ้ามองแล้วดูดีก่อนสิ สิ่งต่างๆค่อยตามมา   นักการตลาดมันต้องมองถึงเรื่องหีบห่อ บรรจุภัณฑ์ และภาพลักษณ์อยู่เสมอ ถ้าดูไม่น่าสนใจ จับวางไว้ที่ไหนแล้วมันโดนกลืนเข้าไปกับสิ่งรอบข้าง แบบนี้ รอดยาก การแย่งซีน การโดดเด่น มันคือความจำเป็นของการขายทั้งนั้น แต่การแย่งซีน การโดดเด่นที่ง่ายที่สุดคือ ดราม่า มีเรื่องเลวๆ...

อยากพัฒนาตัว ต้องทำงานให้เสร็จเร็ว จะได้มีเวลาเหลือไปพัฒนา

คนเราบางที ก็ชอบมองเรื่องการได้เปรียบเสียเปรียบเอาแต่สบายจนลืมพัฒนาตัวเอง ถ้าตัวเราเองไม่มีค่า ใครจะมาใช้เรา เราเห็นเด็กใหม่ทำงาน ก็ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม เพราะบอกว่าได้เงินเท่านี้ จะทำให้เยอะทำไม ก็ทำเท่าที่รู้สึกว่าพอได้ เพราะใจเขามองแค่ได้เปรียบเสียเปรียบ   แต่คนที่พัฒนาตัวเองได้ ต้องทำมากกว่ามที่เขาให้ทำ ถ้ารู้น้อยกว่า มันก็ได้รู้เท่าที่เค้าให้งาน ถ้าใช้เวลาทำงานเยอะ แล้วจะเอาเวลาไหนไปพัฒนาตัว ไปเรียน หรือไปรู้อย่างอื่น ถ้าไม่มีเวลาเหลือ เราก็หาเวลาไปพัฒนาตัวเองไม่ได้ เรียนยังต้องเสียตัง แต่ทำงานให้มากกว่าเค้าจ่ายเงินนั้น ถือว่าเป็นการพัฒนาตัวเองที่ถูกที่สุด แถมได้เรียนรู้...

ประสิทธิภาพการทำงานจะดีขึ้นหากได้ผ่อนคลายอย่างเหมาะสม

ในบางครั้ง ความรู้สึก work hard ตะบี้ตะบันมันดูเหมือนจะทำอะไรได้มากกว่าคนอื่นเขา แต่จริงๆแล้ว มันแย่กว่า เพราะเลยจุดพอดีไป การทำงาน 8ชม.นั้น เหมาะสมไหม อันนี้ผมไม่รู้ สูตรของแต่ละคนไม่เท่ากัน ถ้าเขาจะตั้งใจทำงาน แต่การทำงานหนักจนเป็นวัฒนธรรม ในบางครั้งเหมือนพวกยามทำงานควงกะ มันก็แอบหลับเพราะร่างกายไม่ไหว ผลออกมาก็ไม่ดี การทำงานได้คุณภาพสูงสุด มันต้องหาความพอดี วินัย ของการทำ และการพัก วินัยในการจัดการของร่างกาย เช่นสุขภาพ...

สิ้นเดือน คือสิ้นใจ ใช่แล้วครับ

เราจะได้ยินว่า สิ้นเดือนนั้นเหมือนสิ้นใจ พอต้นเดือน มันก็เหมือนต้นใจ และเงินก็หายไป ให้รอถึงสิ้นเดือน อันนี้เป็นชีวิตของคนทั่วไป ที่ไม่ได้มีการเตรียมพร้อมในการใช้ชีวิต เรียกว่า ดำเนินชีวิตด้วยความประมาท เพราะถ้ากังวลเรื่องต้นเดือนสิ้นเดือนนั้น แสดงว่าตัวเองไม่ได้มีความพร้อมในการประมาณ แม้หลายคนบอกว่าค่าใช้จ่ายมันเยอะกว่าที่หาได้ และก็มีของที่อยากได้อีกมากมาย แต่ถ้าเรามีแค่นั้นแค่นี้ ก็ต้องตัดในสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เพราะ ลำพังแค่ กินอยู่ มีก็มีความพอดีของมัน คือ มีมากก็กินได้มากหน่อย มีน้อยมันก็ต้องกินน้อยหน่อย แต่ถ้าความน่าเบื่อ อยากเปลี่ยนบรรยากาศ...

เราชอบเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น มากกว่าที่มองเห็น

คนเราเนี่ยก็แปลก มีความเชื่อผิดๆขัดกับตรรกะประจำ ชอบเชื่อสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ เชื่อสิ่งที่เขาเล่าว่า ไม่รู้จะเกิดขึ้นจริงไหม หรือมันตื่นเต้นท้าทาย ในสิ่งที่เราไม่รู้ไม่เห็นมาก่อน เรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาตินั้น เชื่อกันเหลือเกิน เชื่อกันเกินงามไม่พอดี ทำไปอยากไร้สติ หากเรื่องเชื่อสิ่งที่ทำ เหตุนั้นมาก่อนผล และผลเกิดจากเหตุ โลกนี้ คงไม่บิดเบี้ยว และน่าอยู่ยิ่งขึ้น แต่ถ้าเชื่ออะไรที่ มันเป็นความรู้สึก ถ้าความรู้สึกนั้น เป็นเป็นไปเพื่อในสิ่งที่ดีงาม สร้างความเจริญ มันอาจจะเป็นกุศโลบาย หรือ กุศล...

ระวังคนมีสมอง แต่ไม่ยอมคิด

ช่วงนี้ออกจะเซ็งๆสักหน่อย และไม่ค่อยอยากจะเจอผู้คน จริงๆแล้วทุกวัน ผมเจอคนถามปัญหาค่อนข้างเยอะในแต่ละวัน ถ้ามีเวลา และอารมณ์ตัวเองดี ก็จะพยายามตอบ หรือแก้ปัญหาให้ได้ หรืออย่างน้อยบอกทางไปต่อให้ ตามเท่าที่เรามีความรู้ และประสพการณ์ แต่มันก็มีคนอยู่พวกบางจำพวก พวกนี้จริงๆแล้ว ก็มีความรู้ แต่ไม่รู้ตอนเรียนใช้แต่ส่วนความจำหรือเปล่า ไม่ได้ใช้ส่วนประมวลความคิด เราจะได้คำถาม ที่ดูไม่น่าตอบ ไม่มีความลึกของปัญหา ไม่มีมิติเลย น่าจะดูเหมือนว่า พอรู้อะไรมาก็ส่งต่อ ไม่ได้กลั่นกรอง ซึ่งเราพบพวกนี้ได้ทั่วไปในกลุ่ม social...

นวัตกรรมที่ทำให้คนที่อยู่รอด

มีคนถามผมว่า จะทำอย่างไรให้อยู่รอดในสภาวะอย่างนี้ เศรษฐกิจแย่ ปัญหาทั้งภายในประเทศ ปัญหาจากภายนอกประเทศ ปัญหาร้อยแปดมืดแปดด้าน มองไม่เห็นแสงสว่าง มันก็คงจะเริ่มต้นต้องดูตัวเอง ถ้าตัวเองยังดีอยู่ ก็ไม่ต้องทำอะไร แต่ถ้าตัวเองแย่ลงและแย่ลง ก็ต้องเปลี่ยน เปลี่ยนเท่านั้นที่จะมีโอกาสที่อยู่รอด เพราะไม่เปลี่ยนมันก็อย่างที่เห็นๆคือ แย่ลงๆ ไปเรื่อยจนตายไป ไม่ต้องมาคุยกับผมนะครับว่า ครั้งนึงเคยเป็นอย่างไร เคยยิ่งใหญ่อย่างไร เพราะมันผ่านมาแล้ว และเวลาไม่หวนกลับ มันคงไม่ย้อนมาอีก สิ่งที่เราต้องเริ่มต้นคือ เปลี่ยนครับ เริ่มที่เปลี่ยนตัวเองก่อน...

เจ้ามือหวยกับคนเล่นหวย ความเป็นมืออาชีพมันต่างกัน

คนซื้อหวยนั้น มองว่าการซื้อเลข เป็นการเสี่ยงดวง การได้เลขนั้น ก็หากันตามหลักความเชื่อของแต่ละคนที่สุดแสนจะงมงาย ความฝันเอย ฝันว่าเห็นเลขอะไร หรือมีใครบอกในฝัน หรือเอาฝันนั้นมาตีเลข การเจอสิ่งแปลกประหลาดจากธรรมชาติ ก็มองถึงความหาได้ยากแบบผิดปกตินั้นเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ พวกแมวห้าขา หมาสองหัว กล้วยยักษ์หัวปลียักษ์ ก็ยังเอาไปตีความตีเลขด้วยต่างๆนานา ซึ่งคนเล่นหวย ก็แทงเลขแล้วแต่ความเชื่อและได้มาของเลขแตกต่างกันไป ซึ่งก็ไม่น้อย การเล่นหวยเล่นได้ระดับหลักเศษบาทยันเป็นล้าน มันก็ครอบคลุมทุกคน ทุกชนชั้นในสังคม ถือว่าเป็นกิจกรรมที่มีฐานเล่นกว้างมาก เล่นมากเล่นน้อยแล้วแต่ความพอใจ ที่ไม่ได้ดูถึงสถานะทางการเงิน เราจะได้ยินข่าวเล่นกันเกินตัวก็เยอะแยะไป...