จะทำอะไร เริ่มต้นด้วยเบสิก อย่าเริ่มต้นด้วยแอดวานซ์

ใครๆก็อยากเท่ห์ ใครๆก็อยากดูดี และก็ไม่อยากลำบาก จะเริ่มทำอะไร เราก็อยากทำมันได้อย่างง่าย เหมือนคนที่ทำสิ่งนั้นมานนานแล้ว และถ้าเราไปถามเขา เขาก็บอกในสิ่งที่เขารู้ แต่เราจะทำตามนั้นได้ไหม เราถามเขาว่า เขาประสพความสำเร็จได้อย่างไร เขาบอกเรา เราก็ทำตาม แต่ก็ไม่ได้เช่นกับที่เขาสำเร็จ เพราะ เราไม่ได้เริ่มต้นด้วยการเดินต้นทาง ไม่ได้เริ่มต้นด้วยพื้นฐาน เพราะพื้นฐาน มันเป็นอะไรง่ายๆ แต่ก็มีความจำเป็นที่ ต้องฝึกให้ชำนาญ เมื่อเราชำนาญ เราจะปรับเปลี่ยน ดัดแปลง อะไรทำอย่างไรก็ได้แล้ว...

ทำงานทุกวัน ไม่เห็นจะเก่ง

จริงๆ มันแยกได้หลายประเด็น เพราะจริงๆแล้ว การทำงานทุกวัน มันจะเกิดความชำนาญ เมื่อทำบ่อยเข้า มันก็ควรจะต้องเก่งเอง แต่ถ้าไม่ใช่ละ มันเพราะอะไร เพราะเราทำงาน แค่ฆ่าเวลาไปวันๆ รอเวลาเลิกหรือเปล่า มันแค่เช้าชามเย็นชาม เพื่อให้เวลาผ่านไปหรือเปล่า หรือเราทำมันแล้วเราไม่เรียนรู้ไปกับมัน ไม่ได้สังเกตุ ผิดอะไรก็ผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกที่จุดเดิม ทำงานไม่มีวิญญาณ ใจไม่อยู่ แล้วจะเรียนรู้ได้อย่างไร จริงๆก็เป็นเพราะทัศนคติ ที่คิดว่า ไม่น่าจะได้เรียนรู้อะไร แต่จริงๆ การทำงาน...

ผิดพลาดก็ แก้ไขมันนะ

เมื่อเกิดการผิดพลาด คนทั่วไปอาจจะเลี่ยง และหรือโยนความผิดให้คนอื่นสิ่งอื่น นั่นคือการไม่ยอมรับตัวเอง ว่าเราทำผิดพลาด มันหลอกตัวเอง และมันอันตรายต่อตัวเอง แต่การจะผ่านให้ได้ คือการแก้ไขมัน แต่ก่อนจะแก้ไขมัน คือต้องยอมรับมัน เรียนรู้มันด้วยความเจ็บปวด เข้าใจมันเยอะๆ พอเข้าใจมัน มันจะเจ็บปวดแต่ปล่อยวาง เมื่อเราแยกแยะสิ่งที่เราทำผิดนั้นได้ ออกมา และหาทาง แล้วแก้ไขมัน เมื่อเกิดเหตุการณแบบนี้ขึ้นในครั้งต่อไป เราก็รู้แล้ว ว่าเราจะแก้ไขมันอย่างไร RIZfixit

เราควรจะเสียเวลาทำที่มันยาก แล้วมันดีขึ้น เก่งขึ้น

การทำอะไรที่สบายๆ มันจะทำให้เราไม่ได้พัฒนาตัวเอง ใครๆก็อยากทำอะไรง่ายๆ แต่อะไรง่ายๆ ใครๆก็ทำได้ ทำไมต้องเป็นเรา ในเมื่อเป็นคนอื่นเขาก็ได้ หรือคนอื่นแย่งทำไปหมดแล้ว มันจะเหลือถึงเราเหรอ แต่การทำอะไรที่ยากขึ้น พิเศษขึ้น ละเอียดมากขึ้น มันทำให้เรา ต้องเค้นความสามารถของเรา ต้องขวนขวาย มุมานะ ที่ทำให้เราเก่งขึ้น อย่างน้อย เราก็พัฒนาตัวเอง และแน่ๆ คนอื่นคงไม่แย่งเราทำงาน เพราะแค่ต้องรู้ คนส่วนใหญ่ก็แหยงแล้ว แต่เมื่อเราทำ มันทำให้เราพัฒนาตัว...

เพราะไม่รู้ เราเลยกลัว เรากลัว เพราะเราไม่รู้

เพราะความไม่รู้ ทำให้เรากลัว มันไม่ใช่สิ่งไม่ดี แต่เพราะเรากลัวมันไปก่อน เราเลยคิดว่ามันไม่ดี ความจริง มันจะแยกแยะได้ว่าดีไม่ดีได้นั้น เราต้องรู้มันเสียก่อนว่ามันคืออะไร และให้ดีต้องรู้แจ้งกับมัน เมื่อเรารู้จริงแล้ว มันก็ไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไป หรือว่ามันน่ากลัว เราก็ไม่ได้กลัวมันอีกต่อไปแล้ว เพราะเรารู้ว่าเราต้องทำอย่างไร RIZunknown

ทุกครั้งที่พยายามแก้ปัญหา เมื่อเราหันหลังกลับไป เราจะสูงขึ้น

ปัญหา มันเป็นส่วนหนึ่ง ที่เราต้องเจอ ทุกปัญหาที่เราพยายามแก้ ถ้าง่ายก็แก้ได้ ถ้ายากก็คิดหัวแตก ถ้าแก้ไม่ได้ก็เจ็บปวด แต่ทุกครั้งที่พยายาม เราจะสูงขึ้น ทุกครั้งที่แก้ได้เรื่องนึง ชีวิตเราจะมีเรื่องง่ายขึ้นอีกเรื่อง ไม่ต้องกลัวเจ็บ เพราะมันแน่นอน เจ็บอยู่แล้ว RIZsolve

พอเราเคารพตัวตนของเรา คนอื่นสนใจเราด้วย

ผมเห็นคนส่วนใหญ่ เคารพคนอื่น มองเขาเป็็นพระเจ้า เป็นแรงบันดาลใจ ใช่ครับ มันก็ดี ดีที่มันช่วยให้เราพยายาม ให้เหมือนเขา เดินไปตามทาง ที่เป็น perfectionist ของคนที่เราตามเขาไป แต่อย่างไรก็ตาม อย่างดีที่สุดเราก็เหมือนเขา ไม่ได้ก้าวข้ามเขาได้ จนมาวันนึง เราก็หาทางที่จะดีกว่าเดิม ก้าวข้ามสิ่งที่ปิดกั้นให้ได้ แต่มันจะไม่ได้มาเพราะว่า ลอกใครได้อีก สุดท้าย เราก็ต้องหาทางทำด้วยตัวของเราเอง พอเริ่มเคารพตัวเอง เราก็ก้าวข้ามคนอื่นได้ พอเราก้าวข้ามคนอื่นได้...

ระวังความประสพความสำเร็จแบบสำเร็จรูป

เราเห็นคนที่ประสพความสำเร็จ ไม่ว่าทำอะไรมันก็ดูง่ายๆไปหมด แล้วก็ประสพความสำเร็จ แล้วถ้าเขามาเล่าให้ฟัง ให้แรงบันดาลใจ มันดูเหมือนง่ายไปเสียซะทุกอย่าง แต่มือใหม่ ที่ลองเดินตามนะ พังทุกราย จงอย่าคิดว่ามันง่ายนะครับ เพราะจริงๆแล้ว เราไม่ได้ฟังเรื่องลำบาก เรื่องร้ายๆของเค้ามา กว่าที่เค้าจะมีวันนี้มาได้ และมีอีกเท่าไร ที่ตายไปก่อนที่จะถึงจุดหมาย ทุกปัญหาที่เราไม่อยากเจอ หรือว่าคิดไม่ถึง เค้าคงผ่านก่อนมาแล้ว ถึงทำซะทุกอย่างลื่นไหล ง่ายไปเสียหมด ระวังอย่าให้สายตามันหลอกเรา อย่าเอาทัศนคติความคิดง่ายๆ ทุกอย่างสำเร็จรูป แกะซองเทน้ำร้อนก้ประสพความสำเร็จ...

ความสำเร็จ ต้องเป็นแบบของเรา

ความสำเร็จ มันต้องเป็นแบบไหนกันหนอ บางคนก็ยืดเรื่อง เงินว่าต้องมีเท่านั้นเท่านั้น แล้วก็บางทีอ้างมาตราฐาน ที่มาเป็นเส้นบางๆ สร้างความกดดันให้เรา สุดท้าย มันเป็นสิ่งที่สังคมบอก คนอื่นบอก บอกยันว่าความสุขต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ต้องมีอันนั้นอันนี้ถึงจะเรียกว่า มีความสุขได้ ผมว่า แบบนั้นมันเหมือนเดิน ตามหลังคนอื่น ในท้ายที่สุดของปลายทางที่รู้ ก็ดูเหมือนกัน ไม่ใข่ ตัวคุณเองสักเท่าไร ต่อให้ทำได้ มันก็เหมือนว่าคุณยังไม่รู้จักตัวคุณเองดีพอ ทำแบบตอนโจทย์คนอื่น ตอบกับอะไรบางอย่างที่มาชี้นำคุณ สำหรับผมแล้ว...

เสียกันเท่าไรแล้ว กับรางวัลชีวิต

ผมว่าคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะระดับกลางค่อนไปทางล่าง มักติดกับดักของภาพลักษณ์ มักโดนชักจูงง่าย มีความคิดแบบสุดโต่งพวก ทำอะไรต้องสุด workhard, playhard ไอ้สุดๆเนี่ย มันก็เสียแพงกว่าปกติแน่นอน คนพวกนี้ พอเรียนจบมา นอกจากจะมีหนี้เก่า ที่ได้ติดตัวจากการศึกษาที่พ่อแม่เลี้ยงดู เงินส่วนใหญ่ ก็เผาไปกับ ความชอบของเรา รสนิยมของเรา และรางวัลของเรา ที่ซื้อให้กับตัวเอง จะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย จะเป็นบริการหรูหรา จะเป็นอะไรก็ตามที่ปกติเป็นสิ่งเกินตัว และสิ่งไหนเกินตัว ผมเรียกมันว่าสิ่งไม่จำเป็น...