คนไทยมีน้ำใจ เลยดูหลอกง่ายไปหน่อย

ความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว หากมีอะไร ขอให้คนช่วย ก็ย่อมไม่ผิดหวัง มากน้อยย่อมได้มา ไม่ว่าเหตุการณ์ภัยพิบัติอะไร คนไทยช่วยกันเสมอ น้ำท่วม ขาดเลือด หรือขอทาน เราก็สนับสนันตามแต่กำลัง เราช่วย เราได้ เรารู้สึกดี มันเป็นจุดที่น่ารัก และก็เป็นจุดอ่อนไปด้วย เพราะบางคน ก็เอาเปรียบเราจากจุดนี้ จากจุดที่ใจอ่อน ขอบริจาค บางที่ก็น่าเชื่อถือ ก็ทำได้ แต่บางที่ลอยๆขึ้นมา...

ให้คนอื่นทำให้ ไม่ใช่สบาย เพราะมันมีความเสี่ยง

การที่มีคนทำอะไรให้นั้น จริงๆแล้วมันก็สบายเรา ที่เราไม่ต้องทำอะไร รอให้คนอื่นทำให้อย่างสำเร็จรูป บางที ก็เพราะว่าตามโลกไม่ทัน เลยต้องให้คนที่ตามโลกทันทำอะไรให้ บางทีก็บ่นเทคโนโลยี มันยากเกินไป สุดท้ายแล้วก็วานให้คนอื่นทำ ดูดีๆแล้วเหมือนจะง่ายเหมือนจะสบาย แต่ถ้าบางทีคนทำให้ไม่ว่าง หรือคนทำให้ไม่อยู่แล้วเราจะทำอย่างไร ชีวิตมันก็จะมีความเสี่ยง การดำเนินเรื่องราวประจำวันคงจะผิดแผกไป การจะโทษอะไรต่างๆนานานั้น ดูดีๆ เพราะเรามีความเคยชินกับอะไรเดิมๆ เดิมๆจนมันกลายเป็นสิ่งล้าหลัง ไม่มีใครใช้ อาทิเช่น เมื่อก่อนดูโทรทัศน์ ต้องเดินไปที่เครื่องเพื่อเปลี่ยนช่อง พอพัฒนาการมาหน่อย ก็มีรีโมทคอนโทร...

หนีปัญหา ย่อมเจอปัญหา

ใครๆก็ไม่ได้อยากเจอปัญหา เพราะขึ้นชื่อว่าปัญหานั้นย่อมไม่ใช่เรื่องดี แต่วิธีแก้ปัญหาสำหรับบางคน คือการหนีมัน เลี่ยงมัน บางทีก็หนีได้ แต่หนีปัญหาหนึ่ง ก็ย่อมไปเจอกับอีกปัญหาหนึ่ง เพราะปัญหานั้นเป็นสิ่งที่เราไม่เข้าใจมันด้วยตัวเองอย่างถ่องแท้มากกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่มีของมันอยู่แล้ว และก็อยู่เต็มไปหมด เมื่อหนีไป อาจจะพ้นตอนนี้ แต่ต่อไปก็ย่อมเจออีกจนได้ ฉนั้นการหนีปัญหา ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่การเจอปัญหาแล้วเผชิญหน้ากับมันก็ย่อมต้องเข้มแข็งและมีกำลังใจระดับหนึ่ง ต้องมีทัศนคติที่พยายาม และไม่หนีความจริง เมื่อเราเข้าใจในปัญหานั้น เราจะแก้ไขมันได้ หรือถ้าแก้ไม่ได้ ก็ย่อมยอมรับมัน และอยู่กับมันได้...

ใช้คนให้เป็น อย่ามองที่ตำแหน่ง ให้มองที่ความสามารถ

จริงๆแล้วองค์กร มันมีการจัดระดับความสามารถ เพื่อมอบหมายให้ทำงานในหน้าที่ และก็มีการให้ตำแหน่งต่างๆ เพื่อสดวกในการ สั่งการและดำเนินการ ในสมัยก่อน คนๆหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องมี สกิล หรือความรู้รอบตัวมากนัก เน้นๆในเรื่องเชิงลึกของงานให้มาก แต่ทุกวันนี้ โลกมันหมุนเร็ว และการบริหารก็เป็นอะไรที่เบลอๆ เราก็ต้องตอบโจทย์ให้ถูกต้อง โดยต้องมองเรื่องธรรมเนียม ประเพณี รวมถึงลำดับขั้นให้น้อยลงไป เราควรปล่อยให้คนทำงานได้ และอยากทำงาน ได้ทำงานที่เขาทำได้และชอบมากกว่า มากกว่าการที่ จะให้คนที่เดินตามตำแหน่งแต่ไม่มีความรู้ความเข้าใจกับสิ่งที่เขาจะทำ  ...

ขี้เกียจ มันเป็นแรงผลักดันหรือเปล่า

จริงๆ สิ่งรอบๆตัวเรา หรือความรู้สึกต่างๆ ถ้าเรารู้สึกมันได้ เอามานำปรับใช้ มันก็จะทำอะไรๆได้เยอะเหมือนกัน ยิ่งคนเห็นว่ามันเป็นสิ่งไม่ดี แต่จริงๆดีไม่ดี เพราะคนคิดไปเอง เราเองนั้น ต้องเข้าใจในเนื้อของมัน แล้วเอามาปรับใช้ บางคนตีความของ ขี้เกียจ ว่า ไม่อยากทำอะไรเลย ไม่ายอมทำอะไรเลย ไม่ทำอะไรอะไร อันนี้มันไร้ความเจริญและเป็นสิ่งไม่ดีแน่นอน แต่ถ้าพลิกมุมปลายสักนิด แล้วตีความใหม่ของ ขี้เกียจ ว่า เป็นแรงผลักดัน ที่เราจะได้ไม่ต้องทำอะไรเลย...

ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี แต่ถ้ามากไปมันก็เสียเรื่อง

เราคงได้ยินเพลงที่ร้องว่า ความเกรงใจ ความเกรงใจ เป็นสมบัติของผู้ดี ตรองดูซี ทุกคนก็มีหัวใจ เกิดเป็นคน ถ้าหากไม่เกรงใจใคร คนนั้นไซร้ ไร้คุณธรรมประจำตน จริงๆ มีความเกรงใจมันก็ดี แต่ถ้ามีมากเกินไป มันก็เลยจะทำให้เป็นคนอ่อนแอ เหยาะแหยะ ไม่กล้าติดสินใจ เพราะเกรงโน่นเกรงนี่ ที่ทำไปมันอาจจะกระทบกับคน ถ้าว่าด้วยงาน ความเกรงใจนี้ จะเป็นอุปสรรคของความเจริญ เพราะโครงการ โครงสร้าง มีลำดับชัดเจน เพราะมันใช้ตรรกะบริหาร แต่ถ้ามันมีความรู้สึกมาด้วยนั้น...

เมื่อมองดูดี มันก็ผ่านด่านแรกแล้ว

เวลาใครสอนแล้วบอกใช้ใจมองนั้น มันไม่สามารถมองได้แต่แรก ของจะดีไม่ดี มันต้องใช้ก่อนถึงจะรู้ ถ้ายังไม่รู้ ด่านแรกก็คือมอง ถ้ามองแล้วดูไม่ดี มีใครจะสนใจ ถ้ามองแล้วดูดีก่อนสิ สิ่งต่างๆค่อยตามมา   นักการตลาดมันต้องมองถึงเรื่องหีบห่อ บรรจุภัณฑ์ และภาพลักษณ์อยู่เสมอ ถ้าดูไม่น่าสนใจ จับวางไว้ที่ไหนแล้วมันโดนกลืนเข้าไปกับสิ่งรอบข้าง แบบนี้ รอดยาก การแย่งซีน การโดดเด่น มันคือความจำเป็นของการขายทั้งนั้น แต่การแย่งซีน การโดดเด่นที่ง่ายที่สุดคือ ดราม่า มีเรื่องเลวๆ...

อยากพัฒนาตัว ต้องทำงานให้เสร็จเร็ว จะได้มีเวลาเหลือไปพัฒนา

คนเราบางที ก็ชอบมองเรื่องการได้เปรียบเสียเปรียบเอาแต่สบายจนลืมพัฒนาตัวเอง ถ้าตัวเราเองไม่มีค่า ใครจะมาใช้เรา เราเห็นเด็กใหม่ทำงาน ก็ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม เพราะบอกว่าได้เงินเท่านี้ จะทำให้เยอะทำไม ก็ทำเท่าที่รู้สึกว่าพอได้ เพราะใจเขามองแค่ได้เปรียบเสียเปรียบ   แต่คนที่พัฒนาตัวเองได้ ต้องทำมากกว่ามที่เขาให้ทำ ถ้ารู้น้อยกว่า มันก็ได้รู้เท่าที่เค้าให้งาน ถ้าใช้เวลาทำงานเยอะ แล้วจะเอาเวลาไหนไปพัฒนาตัว ไปเรียน หรือไปรู้อย่างอื่น ถ้าไม่มีเวลาเหลือ เราก็หาเวลาไปพัฒนาตัวเองไม่ได้ เรียนยังต้องเสียตัง แต่ทำงานให้มากกว่าเค้าจ่ายเงินนั้น ถือว่าเป็นการพัฒนาตัวเองที่ถูกที่สุด แถมได้เรียนรู้...

ประสิทธิภาพการทำงานจะดีขึ้นหากได้ผ่อนคลายอย่างเหมาะสม

ในบางครั้ง ความรู้สึก work hard ตะบี้ตะบันมันดูเหมือนจะทำอะไรได้มากกว่าคนอื่นเขา แต่จริงๆแล้ว มันแย่กว่า เพราะเลยจุดพอดีไป การทำงาน 8ชม.นั้น เหมาะสมไหม อันนี้ผมไม่รู้ สูตรของแต่ละคนไม่เท่ากัน ถ้าเขาจะตั้งใจทำงาน แต่การทำงานหนักจนเป็นวัฒนธรรม ในบางครั้งเหมือนพวกยามทำงานควงกะ มันก็แอบหลับเพราะร่างกายไม่ไหว ผลออกมาก็ไม่ดี การทำงานได้คุณภาพสูงสุด มันต้องหาความพอดี วินัย ของการทำ และการพัก วินัยในการจัดการของร่างกาย เช่นสุขภาพ...

สิ้นเดือน คือสิ้นใจ ใช่แล้วครับ

เราจะได้ยินว่า สิ้นเดือนนั้นเหมือนสิ้นใจ พอต้นเดือน มันก็เหมือนต้นใจ และเงินก็หายไป ให้รอถึงสิ้นเดือน อันนี้เป็นชีวิตของคนทั่วไป ที่ไม่ได้มีการเตรียมพร้อมในการใช้ชีวิต เรียกว่า ดำเนินชีวิตด้วยความประมาท เพราะถ้ากังวลเรื่องต้นเดือนสิ้นเดือนนั้น แสดงว่าตัวเองไม่ได้มีความพร้อมในการประมาณ แม้หลายคนบอกว่าค่าใช้จ่ายมันเยอะกว่าที่หาได้ และก็มีของที่อยากได้อีกมากมาย แต่ถ้าเรามีแค่นั้นแค่นี้ ก็ต้องตัดในสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เพราะ ลำพังแค่ กินอยู่ มีก็มีความพอดีของมัน คือ มีมากก็กินได้มากหน่อย มีน้อยมันก็ต้องกินน้อยหน่อย แต่ถ้าความน่าเบื่อ อยากเปลี่ยนบรรยากาศ...