ทำในสิ่งภูมิใจ สิ่งใดไม่ภูมิใจอย่าเสียเวลาทำ

หลายสิ่งอาจจะหาได้เรื่อยๆ แต่เวลาเป็นสิ่งที่ผ่านแล้วและมันผ่านไปเลย ถ้ามองในมุมนึง พอเราเกิดมาในโลกนี้ มันก็เหมือนเป็นเวลาเริ่ม และนับถอยหลังเรื่อยๆ แม้ว่าในช่วงแรกของชีวิต เราต้องเริ่มเรียนรู้ เรียนรู้มันทุกอย่าง ทั้งที่ถูกและผิด มันก็มีถูกและใช่ ผิดแล้วใช่ ถูกแล้วไม่ใช่ ผิดแล้วไม่ใช่ เราย่อมยังไม่รู้ตัวเอง จนกว่าจะได้ทำ ถ้าไม่รู้มันก็ต้องลอง แต่ลองแล้วผิดบ่อยเรา เราจะเริ่มรู้สิ่งที่ไม่ใช่เอง การใช่บางครั้งเพราะคนอื่นสอนบอก แต่มันใช่สำหรับเขา สำหรับเราต้องดูคิดทำลองเอง ถ้าเวลามีจำกัด เมื่อเรียนรู้ได้ระดับนึงแล้ว ต้องหาทำในสิ่งที่ภูมิใจ...

ถ้าจะทำ ต้องทำให้ดี

เราต้องมีความเชื่อ ว่าโลกนี้มีความจริง ไม่ใช่ทุกอย่างเป็นเรื่องสมมุติโลเล ไม่ได้มีอะไรได้มาโดยไม่มีเหตุและปัจจัย ทำอะไรเล่นๆแล้วฟลุ๊ก มันเอาไว้ให้คนฝันกลางวันเพ้อเจ้อไว้คาดหวังกัน ว่าจะถูกหวย จะรวยเป็นล้าน จะเป็นเศรษฐีโดยง่าย มันก็คงเป็นไปได้ แต่โอกาสมันน้อยเหลือเกิน เหลือแค่ความน่าจะเป็นจริงเพียงเศษเสี้ยวส่วนหนึ่ง ถ้าเราเชื่อในความจริง นับถือความจริง อย่าทำอะไรเป็นเล่น ต้องจริงจัง ต้องทุ่มเท ต้องให้เกียรติสิ่งที่เราทำ เชิดชู บูชามัน ต้องทำให้มันสมศักดิ์ศรี อย่างตั้งใจ น้ำเหงื่อ คือ น้ำมนต์...

จะออกจากบ้าน ให้พกสติมาด้วย

เห็นมีแค่คนมีปัญญา แต่ไม่เห็นคนพกสติมาด้วยเท่าไร ยิ่งโลกหมุนเร็ว คนก็วิ่งตาม ตามไม่ทัน ก็พยายาม ยิ่งทนงตัวว่าเก่ง ฉลาด แย่งกันโชว์ฉลาด แต่ที่เห็นๆ ส่วนใหญ่โง่ทั้งนั้น ไม่ใช่ทำไม่ได้ ไม่ใช่ทำไม่เป็น แต่มันแค่ไม่รู้เวลากาล ว่าจะต้องทำตอนไหน เมื่อไหน คุณค่ามันไม่ใช่แค่ทำได้ มันต้องทำให้ถูกจังหวะเวลา มันงั้นมันก็กลายเป็นสิ่งไม่มีค่าอะไร คนที่อยู่รอด ไม่จำเป็นต้องฉลาด แค่รู้ว่าต้องรู้ตรงไหนก็พอแล้ว ไม่งั้นรู้มากเอาตัวไม่รอด แต่เก่ง RIZslow

จะเริ่มทำอะไรสักอย่าง ต้องเริ่มต้นด้วย…อย่าหลอกตัวเอง

คนเรานะ อยากมีอยากได้อยากได้ไม่น้อยกว่า ชาวบ้านหรือคนที่เราเห็นกันทุกคนแหละ แต่มันไม่ง่ายนะ ที่จะมีเหมือน หรือไม่น้อยไปกว่าที่เราเห็น การที่เลียนแบบการมีแบบไม่ได้ยั่งยืน หรือเรียกว่าซื้อความสุขชั่วคราวนั้น อาจทำให้เราเป็นทุกข์ หรือพาลให้เราเป็นหนี้ เห็นคนรวย แล้ว กินช๊อปเที่ยวแพงๆ เพราะเค้าทำได้ เพราะเค้าเหลือมาทำ แต่มันทำให้คนส่วนใหญ่ อิจฉา และอยากทำบ้าง ถ้ามี ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าไม่มีแล้วทำ ชัดเลยว่าเกินตัว เป็นหนี้ หาเรื่องลำบาก จงยอมรับความจริงของตัวเอง...

เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง

ยอมรับเถอะครับ ถึงคนเก่งแค่ไหน ก็ทำอะไรคนเดียวไม่ได้ ต่อให้เราเชี่ยวชาญ เราก็เชี่ยวชาญเป็นอย่างๆ ยังมีอีกหลายอย่างที่เราไม่รู้จริง และเราต้องการความเชี่ยวชาญนั้น ครั้นจะให้เราฝึกฝนก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกเท่าไร การหาเพื่อนการหาพันธมิตรย่อมเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงจุดประสงค์ของเราไปสู่ความสำเร็จได้ และในบางครั้งการลองอะไรแปลกๆในสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นไปได้ มันอาจจะเป็นไปได้ก็ได้ เพราะการรวมกันมากกว่าหนึ่ง อาจจะได้อะไรอีกหลายๆอย่าง ทั้งเป็นอย่างที่เราต้องการ หรือแบบที่เราไม่ได้ต้อง และโดยมากมักเป็นสิ่งที่เราไม่รู้และคาดไม่ถึง การคั้นสิ่งที่เรารู้นะพอทำได้ แต่การคั้นสิ่งที่เราไม่รู้ออกมานั้น มันยังไม่ก็ไม่ออกมา พยายามแค่ไหนก็เท่านั้น แค่ยอมรับสภาพบางอย่างเพื่อจะได้อีกหลายๆอย่าง ควรยอมนะครับ ยอมเพื่อได้ ทำไม่จะไม่ยอม หรืออีโก้มันใหญ่ไป...

การได้มาซึ่งคำตอบ ทำให้เกิดคำถามต่อไป

เมื่อโลกพัฒนาไปเรื่อยๆ อย่างไม่สิ้นสุดนั้น สิ่งทีทุกคนหาคือ กุญแจดอกเดียวที่ไขความลับของทุกสิ่ง แต่เมื่อยังหาไม่พบ ในการแก้ปัญหาในแต่ละครั้ง เราก็จะพบคำตอบที่น่าจะถูกที่สุด และคำตอบที่น่าจะถูกที่สุดนั้น มันจะมีคำถามต่อไปอยู่ในนั้น เมื่อเราเป็นนักการขาย เป้าหมายขายคือ 1ล้าน เมื่อหาทางขายได้ วิธีการได้มา 1ล้านนั้นเป็นคำตอบ แต่ถ้าคำตอบขยับไป เช่น ทำอย่างไรให้ไ้ด 10ล้าน วิธีไขปัญหาคงจะไม่ใช่วิธีเดียวกับการขาย1ล้านเป๊ะๆแน่ๆ และถ้าเราปรับแต่งโจทย์อีกหน่อย เช่น ทำ1 ล้าน ภายในเวลากำหนด...

จงเชื่อสถิติ มากกว่าเชื่อสายตา

สังเกตไม๊ หลังๆพอเศรษฐกิจไม่ดี สภาพอะไรที่เคยคึกคักมันก็ดูหงอยเหงาไปหมด มันแปลว่าน่าจะแย่ ภาพรวมๆ เช่นร้านนี้แต่ก่อนคนเข้าเยอะมาก แต่หลังๆ แทบไม่มีคน ก็เลยอนุมานไปว่า ร้านนี้ไม่น่ารอด แต่อยู่ๆไป ทำไมมันไม่ตายสักที คนก็ไม่มีเข้าร้าน ซึ่งเรื่องพวกนี้เราคิดกันไปเองแต่ฝ่ายเดียว ไม่ได้รู้เรื่องราวและความจริง ถ้ามันอยู่ได้ แสดงว่ามันต้องมีอะไร หรืออะไรดีซ่อนอยู่ไม่ได้บอกเรา เพราะถ้ามันอยู่ไม่ได้ มันก็ต้องเจ๊งไปด้วยกฎของธรรมชาติ ในบางครั้งยอดที่เรามองเห็นอาจจะลด (offline) แต่ยอดที่เรามองไม่เห็นอาจจะโตขึ้นมาก(online) ถ้าเราไม่ได้เห็นครบ ไม่ได้เห็นรายรับจ่าย...

เป็นเด็กบ้าง เล่นบ้าง มันรู้สึกดีขึ้นเยอะ

พอโตๆขึ้น มันก็มีหน้าที่มีอะไรๆที่ต้องทำเยอะแยะไปหมด แต่ละเรื่องมีแต่สิ่งที่ต้องทำ และต้องทำ ต้องทำ หน้าที่การงาน การหาเงิน เป็นห่วงอนาคต ทำมันจนเหมือน ชีวิต ไม่เป็นชีวิต แม้ว่าเราอ่านหนังสือ ก็จะบอกว่า ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ความคิดสร้างสรรค์มันไม่ได้เกิดในสภาวะเดิมได้ ความน่าเบื่อจำเจ อยู่ในพื้นที่แบกโลกมันคิดอะไรไม่ออก ทำไมคนถึงไปเที่ยวแล้วมีความสุข เพราะเขาได้ออกจากกรอบที่เค้าจำต้องอยู่ เพราะถ้าเค้ามีความสุข เขาไม่ต้องออกจากมันไปก็ได้ การเป็นแสร้งทำตัวเป็นเด็ก ย้อนเวลา อ่านการ์ตูน เล่นเกม...

good to the Great มันห่างกันเยอะนะ

คำว่าดี กับคำว่าเลิศเนี่ย สมัยนี้ คำว่าดี มันเกลื่อนเหมือนนักศึกษาจบปริญญาตรี ดีมากคงเหมือนปริญญาโท แต่การจะไปสู่เลิศ ที่คล้ายปริญญาเอกเนี่ย มันยากเอาการ สมัยนี้คนเก่งมันเยอะไปหมด มันเลยยากหน่อยถ้าคุณแค่เป็นคนพื้นๆ เพราะมันไม่ได้มีอะไรแตกต่าง เพราะแค่คุณทำได้ ใครๆก็ทำได้ แต่ถ้าจะให้เลิศ มันต้อง มุมานะ อุสาหะ ไม่ใช่แค่ทำได้ ไม่ใช่คิดเป็น มันต้อง คิดอะไรที่เป็นของตัวเอง และให้สังคมยอมรับมัน มันไม่ใช่แค่ระดับเพ้อเจ้อ มันไม่ใช่แค่ต้องมุกับการลองผิดลองถูกแล้วเจอปฎิเสธ...

รู้เรื่องชาวบ้านมากไป จะลืมรู้ตัวเอง

วันๆ เช้ามาก็อ่านข่าว เราก็อ่านว่ารอบบ้านรอบโลกมีเรื่องอะไรบ้าง จะได้ทันเหตุการณ์ทันสมัย เราต้องรู้เรื่อง การงาน ให้รู้เรื่อง รู้จริงและทำได้ และยังต้องรู้ว่าอนาคตเป็นอย่างไร เพื่อความอยู่รอด เราต้องรู้เรื่องราวในสังคมรอบๆข้าง ว่าใครทำอะไร เป็นอะไร ถึงไหนกันแล้ว มีแต่เรื่องรู้เยอะไปหมด เปิดเฟสอ่านไลน์ ก็มีเรื่องให้รู้… เรื่องชาวบ้านทั้งนั้น ถ้าเรารู้มันมากเกินไป มันจะไม่มีเวลามารู้เรื่องตัวเอง ถ้าเรายุ่งกับชาวบ้านมากเกินไป มันจะเสียเรื่องกับตัวเอง การที่อ้างเอาความรู้ว่าต้องเอาความทันสมัยทันโลกทันเหตุการณ์มารู้ตัวเองก็ดี แต่มากไปมันไม่ดี มากไปมันจะไม่มีเวลามาให้พิจารณาตัวเอง...