The best today come as standard tomorrow

ไม่ว่าสิ่งที่เป็นที่สุด ดีที่สุด เยี่ยมที่สุดของวันนี้ มันจะเป็นมาตราฐาน ที่ท้าทายคนอื่นในวันต่อไป เพราะเหตุนี้โลกเราได้ถึงพัฒนาก้าวต่อไปข้างหน้ไม่ว่าช้าจนลืม หรือเร็วจนตามไม่ทัน จะมีคนที่พยายามทำลายสถิติอยู่เสมอ ไม่ต้องถาม เพราะถ้าเราไม่ทำลายสถิติตัวเอง มันจะเมีคนทำลายสถิติเราจนได้ การพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดมันต้องทำอย่างต่อเนื่อง และตลอดชีวิต แม้เราจะเรียนจบสูงแค่ไหน แต่ถ้ามันผ่านมาแล้วต้องปล่อยมันผ่านไป อย่าไปคิด เพราะยึดติดตัวเดียวที่จะทำให้เรา ไม่ไปต่อ เพราะความสำเร็จที่ผ่านมามันดึงรั้งเอาไว้ หนีมัน และก้าวต่อ   Rizdofortomorrow

ระวัง คำแนะนำที่ล้าสมัย ที่หวังดีแต่หาดีไม่ได้ในยุคนี้

อย่างที่รู้ โลกมันหมุนเร็ว ขนาดหายใจทิ้งสองสามที อ้าวว มันไปอีกแล้ว ไม่ต้องคิดแค่ว่าพักสักแพพ หลับสักตื่น โลกบัจุบันมันจะวิ่งหนีไปแบบเรามองเห็นลิบๆ ผู้ใหญ่มีประสพการณ์ แต่การประคองตัวในโลกที่รวดเร็วนี้ก็ต้องเลือกประสพการณ์ด้วย อย่างบางเรื่องแข่งกันที่ความเร็ว คือช้าๆได้พร้าเล่มงาม รอไปสิ อดแดกซะนี่ เราก็ไม่ได้ว่าผู้ใหญ่นะ เพราะเค้าก็ผ่านโลกมาก่อน แต่สมัยนี้ เอาอดีตมาใช้มากก็ไม่ได้ ถ้าทำตามมีตายแหงๆ คอนเซปบางอย่างยังคลาสสิคอยู่ แต่รูปแบบมันเปลี่ยนไปเยอะ ความเข้าใจมันก้ต้องตกผลึกทั้งผู้รับ และผู้ใหญ่ ก็ต้องมีความเข้าใจกัน มาเป็น...

เป็นไปไม่ได้ หรือ ยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

ทัศนคติ แค่คำสองคำที่เหมือนกัน แต่ความท้าทายแตกต่างกัน คำว่าเป็นไปไม่ได้ มันสำหรับ พวกคนใจฝ่อ ไม่กล้าสู้และกลัวการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าพวกนี้จะทำอะไรก็ไม่กล้าเสี่ยงเสมอ เพราะกลัวความล้มเหลวเลยไม่ทำ   แต่สำหรับคำว่า ยังไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน ถึงจะความหมายเหมือนกัน แต่มันเปี่ยมไปด้วยทัศนคติ ด้วยมุมมองความเป็นไปได้ ที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น แค่หาเหลี่ยมแง่มุมของมัน ลองผิดไปเรื่อยๆ แบบไม่ลดละ เพราะทำ ทำ ทำ และ ทำ ทำ...

ขาดความเข้าใจ ทำไปก็เสี่ยง

เราเห็นคนที่ทำได้ แล้วเราทึกทักไปเองว่าเราทำได้นั้น…ผิด การเรียนรู้ไม่ใช่แค่มอง แล้วทำได้ การขี่จักรยานมันก็ไม่ง่าย สำหรับคนไม่เคยขี่ การว่ายน้ำมันก็ไม่ง่าย สำหรับคนไม่เคย แต่สิ่งต่างๆนี้ เรียนรู้ได้ แต่ถ้าจะทำให้ได้ มันต้องเรียนรู้ และลองปฎิบัติ คนที่ขี่จักรยานได้นั้น ย่อมต้องเคยล้มมาก่อน คนที่ว่ายน้ำได้นั้น ย่อมต้องเคยสำลักน้ำมาก่อน ทุกอย่างมีท่วงท่า จังหวะ ลีลา และความเข้าใจ จะทึกทักไปเอง แล้วทำได้นั้น… ก็ลองดู น่าจะล้ม...

คาถารวยไม่รู้ตัว

มีน้อยใช้น้อย มีมากใช้น้อย มีหนี้ใช้หนี้ ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ทรัพย์สินจะเพิ่มพูนไม่รู้ตัว เพราะการมีน้อย ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอะไรเกินตัว แม้จะมีสิ่งยั่วใจให้เป็นหนี้เยอะแยะ ก็ต้องอดทน ทำอะไรต้องประมาณ อย่าคิดถึงการซื้อความสุขให้ตัวเองบ้าง แล้วทำเกินตัวและเป็นหนี้ มีมากใช้น้อย เพราะ การมีมาก ก็ไม่หมายถึงเราสมควรใช้มากได้ ถึงแม้ว่าเราจะหาได้ แต่ถ้าใช้สมเท่าที่หา มันก็จะหมดไปอยู่ดี หากชีวิตเดินด้วยความสมถะ ก็จะไม่มีวันอับจน มีหนี้ย่อมต้องใช้หนี้ ใช้มากใช้น้อยก็ต้องใช้ ตอนใช้หนี้ต้องดูความเหมาะสมและความไหวของตัวเอง การก่อหนี้ย่อมต้องเป็นเรื่องจำเป็น...

อยากชนะ อย่างยืดติด

ใครๆ ก็อยากชนะ มีใครบ้างละไม่อยากชนะ แต่ชนะนั้นไม่ใช่ว่าทุกคนทำได้ ถ้าเราตั้งเงื่อนไขยิ่งมาก โอกาสก็ยิ่งแคบ บางทีเราตั้งเงื่อนไขที่ย้อนแย้ง จนไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ เช่นจะเอาให้ได้ อย่างโน้นนี้ และต้องได้ทุกอย่าง เล็งผลเลิศ ไม่ใช่แค่ชนะเฉยๆ จะเอาชนะเลิศ ดีที่สุด มันยากไปไหม เหมือนบีบคอตัวเอง ไว้ไม่ได้ดีที่สุด ก็ไม่เอา เพราะแบบนี้ คนเราก็เลยไม่ได้ และไม่ใช่อยากได้อย่างเดียว เราไม่ยอมเสียด้วย การลงทุน มีความเสี่ยง...

การลอกเลียนแบบความสำเร็จ ไม่ใช่การทำซ้ำ

ทุกคนล้วนมีไอดอลในเรื่องต่างๆ อยากจะรวย ก็ย่อมมีไอดอล เป็นนักธุรกิจชื่อดัง คนโน้นคนนี้ ถึงบางที นั่งซื้อหนังสือ หาประวัติ อ่านเพื่อที่จะได้รู้จักว่าเขาทำยังไงถึงก้าวมาถึงจุดนี้ ดี และไม่ผิด ผมว่านะ แต่คนส่วนใหญ่ เป็นได้แค่ ผู้เสพความสำเร็จของคนอื่น ถึงแม้เขาพยายามที่จะฝึกตัวพยายามให้ตนเก่ง การยึดความสำเร็จของคนมาเป็นตัวตั้งนั้นเมื่อมาทำซ้ำอาจจะสำเร็จหรือไม่ก็ตอบไม่ได้ แต่อาจจะนำไปสู้ความชิบหาย ของพวกนี้ ลอกกันเป๊ะๆไม่ได้ มันเฉพาะตัว มันต่างเงื่อนไข ต่างสถานที่ ต่างเวลา แต่เราเอาความผิดพลาดของเขามาเรียนรู้ได้...

รู้ว่าจะชนะเพราะอะไร รู้ว่าแพ้เพราะอะไร ถึงควร

ขึ้นชื่อว่าโอกาส มีมันก็ดีกว่าไม่มี แต่บางคนมีโอกาสมาก ก็ย่อมดีกว่า คนมีโอกาสน้อย แต่สำหรับปัญหาคนที่มีโอกาสมาก คือไม่รู้จะเลือกโอกาสยังไง เพราะอะไรๆเข้ามา มันก็ดีไปหมด อันโน้นกว่าอยาก อันนี้ก็ดี อันนั้นก็น่าสนุก โอ้ยยยยยยย แต่เมื่อเรามีโอกาสแล้ว เราก็ต้องหัดกรองโอกาส ใช้เวลาสักหน่อยที่หาข้อมูล แล้ววิเคราะห์มัน เมื่อมันมา เราก็ต้องตั้งใจกับมันหน่อย เราต้องเชื่อว่า ชีวิตไม่มีฟลุ๊ก แล้วรู้มันว่า คืออะไร หลับตาสักนิด เห็นอนาคตของเรากับโอกาสนี้หรือไม่...

ความศิลป์ มันขายได้

ของถูกเหรอ เต็มตลาด และมันเป็นของโหล ไปที่ไหนก็เจอ เห็นที่ไหนๆก็มีเต็มไปหมด ของแพงเหรอ มันกลับกลายเป็นการแบ่งชนชั้นทางสังคม ง่ายๆคือ ระหว่างคนมีตังซื้อ กับคนไม่มีตังซื้อ แต่เราก็ไม่อยากได้ของถูก และก็ไม่มีปัญญาซื้อของแพง เราก็ต้องซื้อของแปลกกันหน่อยละ ของพวกนี้ แล้วแต่เราจะมองเห็นคุณค่า นิดๆหน่อยๆ บิดไปบิดมา มันก็กลายเป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความงดงามหรือที่เราดูไม่รู้เรื่องนั้น มันก็ร้อยเรียงด้วยเรื่องราวของมัน ทำให้มันมีค่ามากกว่าเงินที่เราจ่าย ความเป็นศิลป์นั้น บ่งบอกรสนิยม เพราะมันไม่โหล และมีเรื่องเล่า...

วงจรอุบาทว์ในการค้าที่ไร้หัว

ปกติแล้วหากอะไรเป็นกระแส คนก็จะแห่ตาม เมื่อตามจนเฝอถึงระดับหนึ่ง คนก็จะเลิกรากันไป ยกตัวอย่าง ปากซอยบ้าน มีร้านขายข้าวมันไก่อร่อยมาก มีคนกินเต็มร้านล้นจนยืนรอออกมานอกร้านต่อคิวยาว พ่อค้าหัวใส ก็เลยเปิดร้านขายข้าวมันไก่ ขึ้นถัดจากร้านแรก ปรากฎว่า ก็ขายดีเหมือนกันร้านแรก พอพ่อค้าคนอื่นมาเห็น ก็เห็นว่า ถ้าเปิดข้าวมันไก่แถวนี้ต้องขายดีเหมือนร้านแรก ก็เลยแห่มาเปิด ถนนทั้งสายมีเป็นสิบกว่าร้าน พอเปิดเป็นสิบกว่าร้านนั้น คนก็ยังชอบกินร้านแรกเป็นหลักอยู่ ร้านหลังๆ ก็ขายไม่ออกเงียบเหงากันไป ตอนนี้ร้านหลังๆ ก็เลยจุดสงครามราคาลดแลกแจกแถม มันก็ทำให้คนแห่มากินร้านที่ลดราคา...