ได้เจอคนเก่งๆ ต้องเรียนรู้ ไม่ใช่ไปถามหรืออวดเก่ง

เรื่องหน้าตานั้นยอมกันไม่ได้ มีคนฉิบหายมานักต่อนักแล้ว กับการไม่ยอม ต่อให้เราเจอใคร เราก็พยายามแสดงออกว่าเราเก่ง แต่คนที่เก่งและเจอคนเก่งๆตลอดเวลานั้น เค้าจะมีความถ่อมตนอยู่ เพราะมันผ่านจุดที่ฉันเก่งมาแล้ว เวลาคุยเหมือน คุยเรื่อง IQ แต่ไร้ EQ ไม่มีใครไม่เก่งหรอก แต่การแสดงออกถึงการอวดเก่งนี้ มันบอกถึงความไม่เก่งทันที เจอผู้ใหญ่ ต้องให้เกียรติ เจอคนเก่งต้องฟัง อย่าไปพูดมาก ยิ่งพูดมากยิ่งเปิดจุดอ่อนให้เห็น ยิ่งพูดมากมันจะทำให้เราดูแย่ขึ้นไปถนัดตา ฝึกถ่อมตน เรียนรู้ไว้มากๆ ไม่มีใครเรียนรู้จากที่ตัวเองพูด...

ยอม และ ยอมรับ

ปัญหาของ generation gap  มันเป็นปัญหาที่ classic มากๆ เพราะ เด็กก็อยากได้รับการยอมรับของผู้ใหญ่ แต่ผู้ใหญ่ก็อยากให้เด็กได้เข้าใจถึงประสพการณ์ที่เขาฝ่าฟันมา จริงๆอยู่ที่พอคิดไม่เหมือนกัน มันก็ไม่ยอมฟังกัน ด้วยมานะทิฐิต่างๆ ทำให้ยอมกันไม่ได้ หากถ้าเด็กฟังผู้ใหญ่มันก็ดูเหมือนเด็กยอมเดินตาม ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ถ้าหากเด็กไม่ฟังผู้ใหญ่ก็ดูก้าวร้าว เหมือน เด็กทำอย่างไรก็ผิด แต่จริงๆต้องดูว่า การที่เราต้องเปลี่ยนจากที่เรายอมนั้น ทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้ใหญ่ได้อย่างไรมากกว่า มันเป็นโจทย์ของการอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างสมานฉันท์ ถ้าผู้ใหญ่ไม่ปรับตัวมาหาเรา เราก็ควรจะต้องยอมปรับตัว...

ความผิดที่ไม่ผิด

บางเรื่อง เวลาพูดถึงเรื่องความถูกผิดนั้น มันเป็นปัญหาใหญ่โต ใครผิดมันก็เหมือนเป็นคนเลว ให้ถูกเหมือนเป็นคนดี แต่เราให้พลังกับถูกผิดมากไป เพราะความผิดนั้นมันทำให้เราแยกแยะและหาความถูกได้ หากไม่มีความผิดเอาเสียเลย เราจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าเราไม่ยอมให้โอกาสคนทำผิด( ไม่ให้กำลังใจ มองคนผิดเป็นคนเลวอยู่นั่น คนก็ไม่กล้าจะทำอะไร เพราะกลัวจะผิด จนไม่มีอะไรก้าวหน้า ทำถูกอยู่กับที่ซ้ำๆเดิมๆ จากถูกจนมันผิด และเราก็ยังตีความว่ามันถูกอยู่ เพราะเพียงว่ามันเคยถูก จิตใจต้องเปิดให้กว้าง ให้โอกาสกันบ้าง ยอมกันหน่อย ถึงไม่ก้าวข้าม แต่มันก็ต้องมองมากกว่าปลายทาง RIZright&wrong

ถ้าคุณอยากรู้จักลูกค้าของคุณ คุณต้องทำ…

โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเรา ไม่ใช่อะไรที่คุณคิดว่าดี คิดว่าขายได้ มันต้องดี และขายได้ เพราะคุณอาจคิดไปเอง มันไม่เรื่องถ้าคุณอยากรู้จักใครสักคน คุณมัวแต่พูดให้เค้ารู้จักคุณ แต่คุณไม่ยอมเรียนรู้จักเขา ไม่ยอมฟังเขา เราก็จะไม่รู้อะไรเสียเลย ถ้าคุณอยากรู้จักลูกค้าของคุณ คุณต้องลองคิดแบบเขา ถ้ายังคิดแบบเขาไม่ได้ ให้เดินตามเขาไป ดูเขาเดิน ดูเขามอง ดูเขากิน ดูเขาใช้เงิน ดูกิจกรรมทุกสิ่งทุกอย่าง ใช้เวลาแบบเขาให้นานเท่าที่เราจะมีเวลา เพราะถ้าคุณจะขายของให้เขา เราต้องรู้ว่าเขาต้องการอะไร โดยไม่ต้องเอ่ยถาม มันไม่ใช่แค่คุณถามเขาตอบ...

มีเงินเท่าไร ถึงจะพอ

ถ้าเป็นสมัยก่อนผมคงต้องตอบมี สิบล้าน ร้อยล้านด้วยเหตุผลทางการคำนวนต่างๆนานา ต้องมีเก็บออมไว้ เพื่อยามแก่ชรา ต้องเผื่อโน่นเผื่อนี่ แต่ ถ้าเรามุ่งมั่น ที่จะทำเพื่ออนาคตนั้น แล้วทำไม่ได้ละ และปัจุบันตอนนี้ละ ถ้าอนาคต คุณป่วย เงินที่มีอาจจะช่วยคุณได้ในระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่พอที่ทำให้คุณหาย ถ้าคุณแก่ตัวไปแล้วโดนโกง เงินที่มีเก็บไว้ใช้ในตอนแก่นั้น ก็อาจจะหายไปหมดได้ ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องใช้ ต่างๆนานา จนต้องแลกกับอนาคตของคุณละทั้งหมด มันก็หายไปได้ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร มันก็ดี แต่คิดมิติเดียวสุดโต่ง...

สนามหญ้าบ้านอื่นเขียวกว่าบ้านเรา

the grass is always greener on the other side of the frence. มันเป็นอะไรที่ classic มาก ที่บอกว่า สนามหญ้าบ้านอื่นมักเขียวกว่าบ้านเรา แต่ความหมายของมันคือ เรามักไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี และเราเห็นของคนอื่นดีกว่าเราเสมอ มันเป็นจุดอ่อน ที่นักการตลาด หรือนักโฆษณาชวนเชื่อชอบใช้จุดนี้มาเล่น มันเป็นคำพูด captionง่ายๆว่า...

งานที่ดี เราต้องทำได้

ทุกๆวันที่เราเปิดรับโอกาสเข้ามา เราเชื่อว่ามันดีไปหมดแหละ แต่มันมีดีแบบฟังดูดี แต่เราไม่รู้จริง ทำไม่ได้ และดีแบบเรารู้จริง และทำได้ ถ้าดีแบบเราไม่รู้จริง ฟังแล้วรู้สึกเคลิ้มไป ต้องระวังใจเตลิดของความโลภที่จะมาเข้าสิงร่าง ที่จะทำให้เราตัดสินใจอะไรจากความรู้สึก แต่ถ้าดีแบบเรารู้จริง เราหลับตาแล้วก็คิดออก มองรู้แจ้งแทงตลอดจนจบได้ เราควบคุมมันได้ นั่นสิ ถึงเป็นสิ่งที่น่าทำ เพราะเราทำได้ อย่าสับสนระหว่าง อยากรู้อยากลอง กับทำได้จริงๆ ความสำเร็จมันหอมหวาน แต่ถ้าไม่ได้ถ้าไม่ตายก็สาหัส RIZbereal

คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด แต่คนโง่และคนฉลาดก็เป็นเหยื่อของความโลภ

จริงๆ มันก็เหมือนกับเป็นวัฎจักรของสัตว์เล็กโดนสัตว์ใหญ่กินไปเรื่อยๆ ทุกคนย่อมมีจุดอ่อนของตัวเอง คนโง่ ย่อมโดนคนฉลาดเอาเปรียบเป็นนิจ ซึ่งคนโง่ทั้งหลาย ก็ตามไม่ทันคนที่ฉลาดคิดไวกว่า แต่ถ้าคนโง่ได้พัฒนาเป็นคนฉลาดแล้วก็ย่อมไม่เป็นเหยื่อ แต่ถึงอย่างไร กับดักที่อันตรายที่สุด ที่ทำให้คนเขวได้คือความโลภ มันเป็นเรื่องของคนที่คิดว่าเอาได้ ก็อยากได้มากขึ้นไปอีก ย่อมเป็นเหยื่อของผู้ที่เห็นจุดอ่อน เราเห็นเป็นเรื่องปกติจนชิน เช่น มีคนเก็บเงินได้ แล้วบอกว่ามาแบ่งเงินกัน กันคนละครื่ง ความโลภ ความรู้สึกได้เปรียบนั้น มันรู้สึกดี และชนะ แต่หากการชนะนั้นไม่จริง เป็นเรื่องปรุงแต่งแค่ชั่วคราว...

เลิกเถอะครับ ทัศนคติดูถูกคน ถ้าไม่รู้จริง

เห็นแต่คนข่มคน ดูถุกคนเต็มไปหมด เหมือนเคยมีใครทำร้ายมาก่อน แล้วความรู้สึกข้าขอล้างแค้น พวกนี้แบบหนึ่ง อีกพวกนึง คือพวกไม่รู้จริง ว่าคนอื่นเขาว่าด้อยพัฒนา เอาความคิดเดิมๆของเรา ที่เคยรู้กันมาตัดสินคน เช่น เรามองว่าเมืองจีนเป็นเมืองด้อยพัฒนา เป็นเมืองคอมมิวนิส แต่ถามว่าเคยไปไม๊ ก็ไม่เคย หรือถ้าเคยก็ห้าปีสิบปีที่แล้ว มองพวกเขาแบบนี้ ดูเหมือนใจคอเราไม่กว้างพอที่จะให้โอกาสเค้าพัฒนาและเจริญ ยิ่งเรา รู้สึกความเป็นชาตินิยมมากขึ้นเท่าไร ยิ่งทำให้ตัวเราเหยียดและดูถูกคนอื่นมากขึ้นเท่านั้น เราไม่เคยเดินออกไปอยู่นอกบ้านเลย ว่าตัวเองนั้นมันด้อยและพัฒนาช้ากว่าคนอื่นเท่าไร ที่เคยว่า จีน...

สกิลขั้นเทพ คือผลจากการฝึกอย่างหนัก

บางทีเราเห็นคนที่หั่นผักหั่นปลา หั่นเร็วจนน่าตกใจ และขนาดก็เท่าๆกันด้วย พวกเขาก็มีที่มาจากการทำไม่เป็น ค่อยๆฝึกฝนไปเรื่อยๆจนชำนาญ และเชี่ยวชาญตามลำดับ จริงๆอยู่ มันเป็นสิ่งที่ใครๆก็ทำได้ ถ้าพยายามมากพอ แต่มันจะมีกี่คนที่พยายามมากพอจนทำได้สำเร็จ พอสำเร็จก็มีคนมาชื่นชม ทั้งๆที่มันก็เรื่องธรรมดา แล้วพัฒนาไปเรื่อยๆ ในใจพวกเขา ที่ฝนฝน ไม่ใช่ อยากเก่งแค่ไหน แต่อยากจะพัฒนาไปเรื่อยๆ ทำดีขึ้นทุกๆวัน จนวันนึงมันเลยระดับคนธรรมดา จนวันต่อมาเลยระดับสูง และจะทำลายระดับนั้นเรื่อยๆ ทำเรื่อยๆ โดยไม่คิดว่าจะหยุดเมื่อไร ลองผิดลองถูกทุกวัน...